Page 66 - <4D6963726F736F667420576F7264202D20C3B8B93120BEC3D0C3D2AAE2CDA7A1D2C320E1A1E920332E646F63>
P. 66

หน้า   ๖๖

              เล่ม   ๑๓๔   ตอนที่   ๔๐   ก          ราชกิจจานุเบกษา                    ๖   เมษายน   ๒๕๖๐


              คุมขัง  หรือหมายเรียกตัวกรรมการการเลือกตั้งไปสอบสวน  เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ

              การเลือกตั้ง  หรือในกรณีที่จับในขณะกระทําความผิด
                      ในกรณีที่มีการจับกรรมการการเลือกตั้งในขณะกระทําความผิด  หรือจับหรือคุมขังกรรมการ

              การเลือกตั้งในกรณีอื่น  ให้รายงานต่อประธานกรรมการการเลือกตั้งโดยด่วน  และให้ประธานกรรมการ
              การเลือกตั้งมีอํานาจสั่งให้ปล่อยผู้ถูกจับได้  แต่ถ้าประธานกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้ถูกจับหรือคุมขัง
              ให้เป็นอํานาจของคณะกรรมการการเลือกตั้งเท่าที่มีอยู่เป็นผู้ดําเนินการ


                                                        ส่วนที่  ๓
                                                    ผู้ตรวจการแผ่นดิน


                      มาตรา  ๒๒๘  ผู้ตรวจการแผ่นดินมีจํานวนสามคนซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคําแนะนํา
              ของวุฒิสภา  จากผู้ซึ่งได้รับการสรรหาโดยคณะกรรมการสรรหา

                      ผู้ซึ่งได้รับการสรรหาต้องเป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์  และมีความรู้  ความเชี่ยวชาญ
              และประสบการณ์เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินไม่ต่ํากว่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่า

              หรือหัวหน้าหน่วยงานของรัฐที่เทียบได้ไม่ต่ํากว่ากรมตามที่คณะกรรมการสรรหาประกาศกําหนด  โดยต้อง
              ดํารงตําแหน่งดังกล่าวเป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปี  จํานวนสองคน  และเป็นผู้มีประสบการณ์ในการดําเนินกิจการ

              อันเป็นสาธารณะมาแล้วไม่น้อยกว่ายี่สิบปี  จํานวนหนึ่งคน
                      มาตรา  ๒๒๙  ผู้ตรวจการแผ่นดินมีวาระการดํารงตําแหน่งเจ็ดปีนับแต่วันที่พระมหากษัตริย์
              ทรงแต่งตั้ง  และให้ดํารงตําแหน่งได้เพียงวาระเดียว

                      มาตรา  ๒๓๐  ผู้ตรวจการแผ่นดินมีหน้าที่และอํานาจ  ดังต่อไปนี้
                      (๑)  เสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการปรับปรุงกฎหมาย  กฎ  ข้อบังคับ

              ระเบียบ  หรือคําสั่ง  หรือขั้นตอนการปฏิบัติงานใด ๆ  บรรดาที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรม
              แก่ประชาชน  หรือเป็นภาระแก่ประชาชนโดยไม่จําเป็นหรือเกินสมควรแก่เหตุ

                      (๒)  แสวงหาข้อเท็จจริงเมื่อเห็นว่ามีผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมอันเนื่องมาจาก
              การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือปฏิบัตินอกเหนือหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ

              หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ  เพื่อเสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องให้ขจัดหรือระงับความเดือดร้อน
              หรือความไม่เป็นธรรมนั้น
                      (๓)  เสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ทราบถึงการที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วน

              ตามหมวด  ๕  หน้าที่ของรัฐ
                      ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องไม่ดําเนินการตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินตาม

              (๑)  หรือ  (๒)  โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร  ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบเพื่อพิจารณาสั่งการ
              ตามที่เห็นสมควรต่อไป
   61   62   63   64   65   66   67   68   69   70   71