Page 11 - 9 วิชา
P. 11

สืบสานต�นานเรือ สร้างสรรค์ต�นานไทย
                หากไม่นับเทศกาลลอยกระทง หนึ่งในประเพณีทางน�้าที่คนไทยคุ้นเคยมากที่สุด ก็คือกระบวนพยุหยาตรา
                ชลมารค ซึ่งจะมีเรือหลวงเคลื่อนขบวนไปตามแม่น�้าเจ้าพระยา ฝีพายแต่งชุดเต็มยศ เวลาพายเป็นจังหวะ
                จะโคน สอดประสานพร้อมเสียงเห่เรือซึ่งดังกึกก้องทั่วท้องน�้าเพื่อเฉลิมพระเกียรติองค์ประมุขไทย

                ความจริงแล้วกระบวนพยุหยาตราเป็นประเพณีโบราณ ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา จวบจน
                ถึงสมัยรัชกาลที่ 7 จึงหยุดชะงักไป ด้วยปัญหาเศรษฐกิจที่สืบเนื่องมาจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และ
                สภาพการเมืองการปกครองในห้วงเวลานั้น ผ่านมาจนถึงสมัยของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเห็นคุณค่า
                ของประเพณีเห่เรือนี้ เพราะถึงจะโบราณแต่ก็สะท้อนความเป็นไทยได้เป็นอย่างดี

                ในปีพ.ศ. 2495 พระองค์ ได้เสด็จฯ ไปยังโรงเก็บเรือพระราชพิธีที่คลองบางกอกน้อย ทรงทอดพระเนตร
                เห็นเรือหลายล�า อยู่ในสภาพช�ารุดทรุดโทรม จึงมีพระราชด�าริให้ฟื้นฟูเป็นการถาวร โดยชี้ให้เห็นว่าถึงจะ
                จัดงานแห่เรือบ่อยขึ้น ก็ไม่ได้สิ้นเปลืองอะไรนัก เนื่องด้วยฝีพายก็ใช้ก�าลังของทหารเรือ ซึ่งปกติจะฝึกซ้อม
                กันอยู่แล้ว เช่นเดียวกับเครื่องแต่งกาย ซึ่งตัดเพียงครั้งเดียวก็สามารถใช้ได้ตลอด แต่ที่เป็นประโยชน์
                มากที่สุดคือประชาชน จะได้เห็นเรือพระราชพิธีต่างๆ ที่สวยงามและทรงคุณค่าทางศิลปะ รวมทั้งยังเป็น
                โอกาสอันดีที่เรือจะได้รับการดูแลรักษาให้คงสภาพดีอยู่เสมอ

                การจัดขบวนพยุหยาตราชลมารคในรัชกาลที่ 9 เริ่มขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ.2500 เพื่อฉลองปีมหามงคล
                25 พุทธศตวรรษ และพ.ศ.2502 ในหลวงรัชกาลที่  9  ทรงเสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม
                ถึงจัดเรือได้เต็มขบวน นอกจากนี้ยังโปรดฯ ให้มีการต่อยอดและพัฒนาศิลปะเรืออยู่เสมอ มีการจัดสร้าง
                เรือนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9  ซึ่งถอดแบบจากเรือพระที่นั่งล�าเดิมที่ช�ารุดเสียหาย เหลือเพียงโขนเรือ
                ที่เป็นรูปพระนารายณ์ประทับอยู่บนหลังของพญาครุฑ ซึ่งเก็บรักษาไว้ที่นี่ ยังมีการจัดขบวนเรือหลวง
                ออกแสดงในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
                (เอเปก 2003) เมื่อพ.ศ. 2546 ท�าให้ชาวโลกได้ประจักษ์ถึงภูมิปัญญาของชาติไทยที่สั่งสมมานานหลายร้อยปี

                ทั้งหมดนี้ก็เพราะในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงตระหนักดีว่าประเพณีวัฒนธรรมคือรากเหง้าของความเป็นชาติ
                ดังเช่น พระราชด�ารัสที่ว่า “อิฐเก่าๆ แผ่นเดียวก็มีค่า ควรจะช่วยกันรักษาไว้ ถ้าเราขาดสุโขทัย อยุธยา
                และกรุงเทพฯ แล้วประเทศไทยก็ไม่มีความหมาย” จึงเป็นสาเหตุส�าคัญที่โปรดฯ ให้รื้อฟื้นประเพณีส�าคัญ
                มากมาย เพื่อให้คนไทยได้ภาคภูมิใจว่าประเทศนี้อุดมไปด้วยศิลปวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ และสมควรที่จะ
                ต้องสืบทอดไปยังอนุชนรุ่นหลังไปอีกนานแสนนาน




                                                     วิชา ๙ หน้า  ศาสตร์พระราชาจากต�ราของพ่อ  •  ปรุงไทยในใจคน    7
   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16