Page 63 - เจ้าชายน้อย
P. 63

: : เกี่ยวกับผูเขียน : :




                         แซงเตกซูเปรี เกิดที่เมืองลียอง เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๔๓ เปนคนที่มีนิสัยชอบ
                  เลนมาแตเยาววัย อายุมากเขาก็ยังชอบเลนอยู เขามักหวนระลึกถึงเวลาอันสนุกสนานในวัยเด็ก ๆ
                  เสมอ โดยเฉพาะมารดาผูออนหวานซึ่งไดเลี้ยงดูอบรมเขามาโดยตลอด เพราะบิดาถึงแกกรรมเมื่อ
                  เขาอายุไดเพียง ๔ ขวบ หลังจากนั้นเขาไดเขาเรียนในโรงเรียนประจําแหงหนึ่ง ในระยะแรกเขาไมสู
                  ชอบใจนัก ดังที่เคยเขียนในหนังสือเลมหนึ่งวา

                         เขาแกลงทําเปนไมสบายเพื่อไมตองเขาชั้นเรียนเมื่อไดยินเสียงระฆังตีเวลาเขาเรียน สวน
                  เวลาพักออกมาเลนและเวลารับประทานอาหาร เสียงระฆังนั้นฟงดูมีชีสวิตชีวาและมีความหมาย
                  สําหรับเด็กนักเรียนคนอื่น ๆ ตั้งแตนั้นมาเขาก็เลิกทําเปนไมสบายอีก เพราะเขารูสึกเหมือนตนเอง
                  ถูกลงโทษ ถูกทอดทิ้งไมมีใครเหลียวแล ตองกินยาขม นอนอยูบนเตียงชุมดวยเหงื่อ วันเวลาผาน
                  ไปอยางเชื่องชาเหมือนไมมีโมงยาม


                         เมื่อสอบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายไดแลว เขาตั้งใจเรียนตอเตรียมทหารเรือที่โรงเรียนแซงต
                  หลุยสในกรุงปารีส แตสอบเขาไมไดเพราะไมยอมทําเรียงความเรื่อง “ความรูสึกของทหารที่กลับ
                  จากสงคราม” เขาบอกวาเขาไมสามารถบรรยายความรูสึกซึ่งเขาไมเคยประสบนั้นได เขาจึงไปรับ
                  ราชการทหารเปนนักบินอยูที่เมืองสตารบูรคและฝกหัดบินจนไดรับใบอนุญาตเปนนักบินอาชีพ เริ่ม
                  ทํางานที่เมืองตูลูส เปนนักบินประจําเสนทางสาย ตูลูส-คาซาบลังกา แลวตอมาถูกสงไปเปนหัวหนา
                  หนวยประจําสถานีที่กางจูบีในแอฟริกา


                         ณ ที่นี้เอง แซงเตกซูเปรี ไดตระหนักวา อาณาจักรของมนุษยเรานี้อยูในใจของเราแตละคน
                  นั่นเอง ทั้งนี้เนื่องจากเขามีชีวิตอยูในวงสังคมที่จํากัด มีเพียงเพื่อนนักบินดวยกันไมกี่คน ซึ่งนาน ๆ
                  จะบินผานมาและมีผูบังคับการปอมที่มาเยี่ยมเยียนเปนครั้งคราว นอกจากนั้นก็มีแตทะเลทรายสุดลูก
                  หูลูกตา งานของเขามีหนาที่สงวิทยุติดตอกับศูนยหนวยงาน คอยใหอาณัติสัญญาณนักบิน จัดถุง
                  พัสดุไปรษณีย และหนาที่ที่สําคัญที่สุดคือคอยชวยเหลือออกคนหานักบินที่ประสบอุบัติเหตุซึ่งมี
                  เปนประจําทุกเดือน เพราะสมัยนั้นเปนสมัยเริ่มบุกเบิกทางดานการบิน ซึ่งทั้งนี้เขาตองเปนทั้งชาง
                  ซอมเครื่องบินและแพทยไปในขณะเดียวกันดวย จากประสบการณเหลานี้ เขาไดนํามาเขียนเปนนว
                  นิยายเรื่องแรกของเขา คือ เรื่อง Courrier Sud พิมพในป พ.ศ.๒๔๗๐

                         หลังจากการไปฝกฝนเพิ่มเติม เขาไดรับแตงตั้งใหเปนผูจัดการบริษัทขนสงทางอากาศ
                  บริษัทหนึ่งที่กรุงบัวโนสไอเรสในอเมริกาใต ในป พ.ศ.๒๔๗๓ เขาไดรับอิสริยาภรณ เลซียอง ตอน
                  เนอร ในฐานะนักบินพลเรือนที่ปฏิบัติไดผลดีที่กางจูบี

                         ตอมาเมื่อมีการเปดสายการบินเพิ่มถึงอเมริกาใต ทําใหนักบินจําตองเสี่ยงชีวิตปฏิบัติการใน
                  ตอนกลางคืนดวย เพื่อแขงขันกับการขนสงทางเรือ เละเพื่อผลประโยชนตอสวนรวม นวนิยายเรื่อง
                  ใหมของเขาจึงไดชื่อวา “บินกลางคืน” (Vol de Nuit) เรื่องนี้ไดรับรางวัล Grix Femina ประจําป
                  พ.ศ.๒๔๗๔

                         ตอมาเขาไดแตงงานกับแมหมายชาวอเมริกาใตชื่อ Consuelo Suncin แลวกลับมาเปน
                  นักบินขับเครื่องบินสะเทินน้ําสะเทินบกระหวางเมือง มารแซย และอัลเช และประสบอุบัติเหตุครั้ง
                  หนึ่งเนื่องจากปกเครื่องบินหัก เขาจึงหันไปสนใจการถายทําภาพยนตรโฆษณาใหแกบริษัท Air
                  France ตอมาไปเปนผูสื่อขาวหนังสือพิมพ Paris Soir ประจํากรุงมอสโก แลวยายไปเปนผูสื่อขาว
                  สงครามกลางเมืองสเปนที่กรุงมาดริด
   58   59   60   61   62   63   64