Page 217 - วิทยาศาสตร์ม.ปลาย
P. 217

217


                           เทอร์โมเซตติงพลาสติก (Thermosetting plastic) เป็นพลาสติกที่มีสมบัติพิเศษ คือทนทานต่อการ

                   เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและทนปฏิกิริยาเคมีได้ดี เกิดคราบและรอยเปื้อนได้ยาก คงรูปหลังการผ่านความร้อน
                   หรือแรงดันเพียงครั้งเดียว เมื่อเย็นลงจะแข็งมาก ทนความร้อนและความดัน ไม่อ่อนตัวและเปลี่ยนรูปร่าง

                   ไม่ได้ แต่ถ้าอุณหภูมิสูงก็จะแตกและไหม้เป็นขี้เถ้าสีด า พลาสติกประเภทนี้โมเลกุลจะเชื่อมโยงกันเป็น

                   ร่างแหจับกันแน่น แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลแข็งแรงมาก จึงไม่สามารถน ามาหลอมเหลวได้ กล่าวคือ

                   เกิดการเชื่อมต่อข้ามไปมาระหว่างสายโซ่ของโมเลกุลของโพลิเมอร์ (cross linking among polymer chains)
                   เหตุนี้หลังจาก พลาสติกเย็นจนแข็งตัวแล้ว จะไม่สามารถท าให้อ่อนได้อีกโดยใช้ความร้อน หากแต่จะ

                   สลายตัวทันทีที่อุณหภูมิสูงถึงระดับ การท าพลาสติกชนิดนี้ให้เป็นรูปลักษณะต่าง ๆ ต้องใช้ความร้อนสูง

                   และโดยมากต้องการแรงอัดด้วย เทอร์โมเซตติงพลาสติก ได้แก่


                             เมลามีน ฟอร์มาลดีไฮด์ (melamine  formaldehyde)  มีสมบัติทางเคมีทนแรงดันได้ 7,000-

                   135,000 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ทนแรงอัดได้ 25,000-50,000 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ทนแรงกระแทกได้ 0.25-0.35

                   ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ทนความร้อนได้ถึง 140 องศาเซลเซียส และทนปฏิกิริยาเคมีได้ดี เกิด
                   คราบและรอยเปื้อนยาก เมลามีนใช้ท าภาชนะบรรจุอาหารหลายชนิด และนิยมใช้กันมาก มีทั้งที่เป็นสีเรียบ

                   และลวดลายสวยงาม ข้อเสียคือ น ้าส้มสายชูจะซึมเข้าเนื้อพลาสติกได้ง่าย ท าให้เกิดรอยด่าง แต่ไม่มีพิษภัย

                   เพราะไม่มีปฏิกิริยากับพลาสติก

                             ฟีนอลฟอร์มาดีไฮต์ (phenol-formaldehyde) มีความต้านทานต่อตัวท าละลายสารละลายเกลือ
                   และน ้ามัน แต่พลาสติกอาจพองบวมได้เนื่องจากน ้าหรือแอลกอฮอล์พลาสติกชนิดนี้ใช้ท าฝาจุกขวดและ

                   หม้อ

                             อีพ็อกซี (epoxy)  ใช้เคลือบผิวของอุปกรณ์ภายในบ้านเรือน และท่อเก็บก๊าซ ใช้ในการเชื่อม
                   ส่วนประกอบโลหะ แก้ว และเซรามิก ใช้ในการหล่ออุปกรณ์ที่ท าจากโลหะและเคลือบผิวอุปกรณ์ ใช้ใส่ใน

                   ส่วนประกอบของอุปกรณ์ไฟฟ้ า เส้นใยของท่อ และท่อความดัน ใช้เคลือบผิวของพื้นและผนัง ใช้เป็นวัสดุ

                   ของแผ่นก าบังนิวตรอน ซีเมนต์ และปูนขาว ใช้เคลือบผิวถนน เพื่อกันลื่น ใช้ท าโฟมแข็ง ใช้เป็นสารในการ
                   ท าสีของแก้ว

                             โพลิเอสเตอร์ (polyester)  กลุ่มของโพลิเมอร์ที่มีหมู่เอสเทอร์ (-O•CO-) ในหน่วยซ ้าเป็นโพลิ

                   เมอร์ที่น ามาใช้งานได้หลากหลาย เช่น ใช้ท าพลาสติกส าหรับเคลือบผิว ขวดน ้า เส้นใย ฟิล์มและยาง เป็นต้น

                   ตัวอย่างโพลิเมอร์ในกลุ่มนี้ เช่น โพลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต โพลิบิวทิลีนเทเรฟทาเลต และโพลิเมอร์ผลึกเหลว
                   บางชนิด

                             ยูรีเทน  (urethane)  ชื่อเรียกทั่วไปของเอทิลคาร์บาเมต  มีสูตรทางเคมีคือ  NH2COOC2H5

                             โพลิยูรีเทน (polyurethane) โพลิเมอร์ประกอบด้วยหมู่ยูรีเทน (–NH•CO•O-) เตรียมจาก

                   ปฏิกิริยาระหว่างไดไอโซยาเนต (di-isocyanates) กับ ไดออล(diols) หรือไทรออล (triols) ที่เหมาะสม ใช้
                   เป็นกาว และน ้ามันชักเงา พลาสติกและยาง ชื่อย่อคือ PU
   212   213   214   215   216   217   218   219   220   221   222