Page 26 - เจ้าหญิงดิสนีย์e-book
P. 26

22






               โพคาฮอนทัส (อังกฤษ: Pocahontas; ราว ค.ศ. 1596 – มีนาคม ค.ศ. 1617) ชื่อเกิดว่า มา

               โทอาคา (Matoaka) ชื่ออื่นว่า อาโมนูเท (Amonute) เป็นหญิงชาวอเมริกันพื้นเมือง มี

               ชื่อเสียงเพราะความสัมพันธ์กับชุมชนอาณานิคมในเจมส์ทาวน์ เวอร์จิเนีย โพคาฮอนทัสเป็น

               บุตรีของพาวฮาทัน(Powhatan) ผู้เป็นประมุขสูงสุด (paramount chief) ของเครือข่ายชน
               เผ่าในเซนาคอมมาคาห์ (Tsenacommacah) ซึ่งกินพื้นที่ภูมิภาคไทด์วอเทอร์(Tidewater

               region) แห่งเวอร์จิเนีย เกร็ดประวัติศาสตร์ที่รู้จักกันดีระบุว่า ใน ค.ศ. 1607 นางช่วยชีวิต

               จอห์น สมิท (John Smith) ชาวอังกฤษซึ่งถูกชนอเมริกันพื้นเมืองจับเป็นเชลย โดยนางวาง

               ศีรษะของตนไว้บนแท่นประหารแทนศีรษะของเขาขณะที่บิดาของนางก าลังเงื้อกระบองเพื่อ

               ประหารเขา แต่นักประวัติศาสตร์จ านวนมากตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของเรื่อง

               ดังกล่าว

               ใน ค.ศ. 1613 นางถูกชาวอังกฤษจับกุมไปเรียกค่าไถ่ในช่วงที่อังกฤษและชนอเมริกันพื้นเมือง
               เป็นปฏิปักษ์กัน ระหว่างที่นางถูกจับนั้น นางเข้ารีตเป็นคริสต์ศาสนิกและเปลี่ยนชื่อเป็น รีเบก

               กา (Rebecca) ต่อมาเมื่อนางมีโอกาสกลับไปหาผู้คนของตน นางกลับเลือกอยู่กับคนอังกฤษ

               ครั้นเดือนเมษายน ค.ศ. 1614 นางอายุได้ 17 ปี เข้าพิธีสมรสกับจอห์น รอล์ฟ (John Rolfe)

               คนปลูกใบยาสูบ ต่อมาในเดือนมกราคม ค.ศ. 1615 นางให้ก าเนิดบุตรชายของเขานาม

               ว่า ทอมัส รอล์ฟ (Thomas Rolfe)

               ใน ค.ศ. 1616 ครอบครัวรอล์ฟเดินทางไปลอนดอน มีการน าเสนอนางต่อสังคมอังกฤษว่า

               เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของคนป่าเถื่อนที่ได้รับการสั่งสอนให้มีอารยะ เพื่อกระตุ้นการลงทุนใน
               ชุมชนเจมส์ทาวน์ที่เวอร์จิเนีย นางจึงเกิดมีชื่อเสียงขึ้น ได้รับการเลี้ยงดูปูเสื่อหรูหรา และได้ชม

               ละครหน้ากาก (masque) ที่วังไวต์ฮอล (Whitehall Palace) ด้วย ครั้น ค.ศ. 1617

               ครอบครัวรอล์ฟตั้งใจจะเดินทางกลับเวอร์จิเนีย แต่นางเสียชีวิตที่เกรฟเซนด์ (Gravesend)

               ในอังกฤษไปเสียก่อนโดยไม่ทราบสาเหตุ อายุได้ราว 20 หรือ 21 ปี ศพของนางฝังไว้ที่โบสถ์

               เซนต์จอร์จ (St George's Church) ณ เกรฟเซนด์นั้น แต่การบูรณะโบสถ์ในภายหลังท าให้

               ต าแหน่งที่แน่นอนของหลุมศพนางในปัจจุบันนั้นไม่อาจทราบได้อีก

               สถานที่และผลิตภัณฑ์มากมายในสหรัฐได้รับการตั้งชื่อตามนาง เรื่องราวของนางยังได้รับการ

               เล่าขานเป็นนิยายรัก กลายเป็นหัวเรื่องยอดนิยมในงานศิลปะ วรรณกรรม และภาพยนตร์

               คนดังหลายคนก็อ้างว่า สืบเชื้อสายของนางผ่านทางบุตรของนาง เช่น สมาชิกตระกูลแรกแห่ง
               เวอร์จิเนีย, ตลอดจนอีดิท วิลสัน (Edith Wilson) อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง, เกล็นน์
   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31