Page 7 - หลงปัว
P. 7

เมื่อบ้านเมืองวรนครเริ่มมั่นคงเป็นปึกแผ่น เจ้าขุนฟองก็ได้เป็นพญาแล้วเสวยราชสมบัติ

       ในเมือง วรนคร มีพระโอรส 1 พระองค์ ใส่ชื่อเบิกบายว่า "เจ้าเก้าเกื่อน" ต่อมาไม่นานักพญาขุน

       ฟองถึงแก่พิราลัย เจ้าเก้าเถื่อนราชบุตรจึงได้ขึ้นครองเมืองปัวแทน ด้านพญาภูคาครองเมืองย่างมา

       นานและมีอายุมากขึ้น มีความประสงค์จะให้เจ้าเก้าเถื่อนผู้หลานมาครองภูคาหรือเมืองย่างแทน จึง

       ให้เสนาอ ามาตย์ไปเชิญ แต่เจ้าเก้าเกื่อนไม่ค่อยเต็มใจนัก เจ้าเก้าเถื่อนเกรงใจปู่จึงยอมไปอยู่เมือง

       ย่าง และมอบให้ชายาคือ นางพญาแม่ท้าวค าปิน ซึ่งทรงครรภ์อยู่คอยปกครองดูแลรักษาเมืองว

       รนคร (เมืองปัว) แทน เมื่อพญาภูคาถึงแก่พิราลัย เจ้าเก้าเถื่อนจึงครองเมืองย่างแทน







                ในช่วงที่เมืองวรนคร (เมืองปัว) ว่างจากผู้น า เนื่องจากเจ้าเก้าเถื่อนไปครองเมืองย่าง
       แทนปู่คือ พญาภูคา พญาง าเมืองเจ้าผู้ครองเมืองพะเยา จึงได้ขยายอิทธิพลเข้าครอบครอง


       บ้านเมืองปัวทั้งหมด นางพญาแม่เท้าค าปินพร้อมด้วยบุตรในครรภ์ ได้หลบหนีไปอยู่บ้านห้วยแร้ง
       จนคลอดได้บุตรชายท่ามกลางท้องไร่นั้น ชื่อว่า "เจ้าขุนใส" ปรากฏว่านายบ้านห้วยแร้งนั้น เป็น


       พ่อครัวพญาเก้าเกื่อนมาก่อน จึงรับนางพญาแม่ท้าวค าปินและกุมารไปเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ อายุได้
       16 ปี ก็น าไปไหว้สาพญาง าเมือง เมื่อพญาง าเมืองเห็น ก็มีใจรักเอ็นดูรับเลี้ยงดูไว้ แลเติบใหญ่ได้


       เป็นขุนนาง รับใช้พญาค าเมืองจนเป็นที่โปรดปราน พญาง าเมืองจึงสถาปนาให้เป็น เจ้าขุนใสยศ
       ครองเมือง เป็นเจ้าเมืองปราดภาย หลังมีก าลังพลมากขึ้นจึงยกทัพมาต่อสู้จนหลุดพ้นจากอ านาจ


       เมืองพะเยา แล้วกลับมาเป็นพญาเสวยเมืองวรนคร (เมืองปัว) และได้รับการสถาปนาเป็น "พญา
       ผานอง" เมืองวรนคร จึงกลายชื่อมาเป็น เมืองปัว ซึ่งหันไปมีความสัมพันธ์กับกรุงสุโขทัยในสมัย


       พ่อขุนรามค าแหง ดังปรากฏชื่อเมืองปัวอยู่ในหลักศิลาจารึก หลักที่ 1































                                                                                                       4
   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11   12