Page 17 - หนังสือคู่มือดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
P. 17

9





                                                            ี
                                                                         ั
            ออกจำกสำรบบควำมโดยยังไม่ต้องส่งส�ำเนำค�ำร้องให้ศำลท่เก่ยวข้อง รวมท้งไม่ต้องด�ำเนินกำรส่งส�ำเนำ
                                                              ี
            ค�ำร้องให้คู่ควำมอีกฝ่ำยหนึ่งหรือบุคคลผู้มีส่วนได้เสียท�ำชี้แจง ตำมข้อ ๑๗ วรรคหนึ่ง ๑๕
                  ๕.๑.๓ กรณีอื่นตำมมำตรำ ๑๕
                  นอกจำกกำรขัดกันเรื่องอ�ำนำจหน้ำที่ระหว่ำงศำลตำมมำตรำ ๑0 มำตรำ ๑๒ และมำตรำ ๑๓ แล้ว

            พระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรวินิจฉัยช้ขำดอ�ำนำจหน้ำท่ระหว่ำงศำล พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ก�ำหนดให้กำรขัดกันเร่อง
                                                                                              ื
                                                      ี
                                        ี
            อ�ำนำจหน้ำท่ระหว่ำงศำลต่อไปน้ อำจมีกำรเสนอเร่องต่อคณะกรรมกำรวินิจฉัยช้ขำดอ�ำนำจหน้ำท่ระหว่ำง
                                                                           ี
                                      ี
                       ี
                                                    ื
                                                                                         ี
            ศำลได้ ๑๖
                  ก. วิธีกำรชั่วครำวก่อนพิพำกษำ
                  ข. กำรยื่นค�ำร้องต่อศำลก่อนกำรฟ้องคดี
                  ค. กำรสืบพยำนหลักฐำนไว้ก่อนฟ้องคดี
                  ง. กำรบังคับคดีตำมค�ำพิพำกษำหรือค�ำสั่งของศำล
                  จ. กำรปฏิบัติกำรตำมอ�ำนำจหน้ำที่ประกำรอื่นของศำล

                  ในกำรด�ำเนินกำรของศำล ให้น�ำหลักเกณฑ์และวิธีกำรตำมข้อ ๕.๑.๑ มำใช้โดยอนุโลม
                  ๕.๒ กรณีที่ศำลเห็นเองเรื่องเขตอ�ำนำจศำลขัดแย้งกัน
                                          �
                                   ื
                  ในกรณีมีกำรขัดกันเร่องเขตอำนำจศำลตำมมำตรำ ๑0 และมำตรำ ๑๒ โดยศำลเห็นเอง ให้ศำล
            ด�ำเนินกำรตำมแนวทำงต่อไปนี้ ๑๗
                  ก. กรณีที่ศำลเห็นเอง จะต้องเป็นช่วงก่อนศำลมีค�ำพิพำกษำ
                                                  ั
                         ี
                  ข. ศำลท่รับฟ้องอำจรอกำรพิจำรณำไว้ช่วครำว และจัดท�ำควำมเห็นส่งไปให้ศำลท่เห็นว่ำคดีอยู่ใน
                                                                                    ี
            เขตอ�ำนำจโดยเร็ว
                  อย่ำงไรก็ตำม กรณีที่มีกำรขัดกันเรื่องเขตอ�ำนำจศำลตำมมำตรำ ๑๒ วรรคสอง กล่ำวคือ ในกรณีที่
                                       ั
                                                                                               ึ
            มีกำรฟ้องคดีต่อศำลใด แต่ศำลน้นไม่รับฟ้องเพรำะเหตุว่ำคดีดังกล่ำวอยู่ในเขตอ�ำนำจของอีกศำลหน่ง
              ื
                                                                                           ั
            เม่อมีกำรฟ้องคดีต่ออีกศำลหน่งแล้วหำกศำลดังกล่ำวเห็นว่ำคดีน้นไม่อยู่ในเขตอ�ำนำจเช่นกัน ศำลน้นอำจ
                                     ึ
                                                                ั
            รอกำรพิจำรณำไว้ช่วครำวและส่งเร่องไปให้คณะกรรมกำรพิจำรณำวินิจฉัย โดยไม่ต้องจัดท�ำควำมเห็น
                            ั
                                         ื
            ส่งไปยังอีกศำลหนึ่งเพื่อท�ำควำมเห็นเรื่องเขตอ�ำนำจศำลอีก
                                                                                   ู
                                                          ั
                                                                                            ื
                                                                                            ่
                                                                             ็
                              ่
                                               ิ
                              ื
                  ค. ในกำรส่งเรองให้คณะกรรมกำรพจำรณำวนจฉยให้ศำลจดแจ้งควำมเหนของค่ควำมไว้ เพอให้
                                                        ิ
                                                      ิ
            คณะกรรมกำรได้รับทรำบควำมเห็นจำกคู่ควำมทั้งสองฝ่ำย ๑๘
                  ๑๕  ข้อ ๑๖ วรรคสอง แก้ไขเพ่มเติมโดยข้อบังคับคณะกรรมกำรวินิจฉัยช้ขำดอ�ำนำจหน้ำท่ระหว่ำงศำล ว่ำด้วย
                                                                                  ี
                                                                     ี
                                        ิ
            วิธีกำรเสนอเรื่อง กำรพิจำรณำและวินิจฉัย (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๔
                  ๑๖  พระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรวินิจฉัยชี้ขำดอ�ำนำจหน้ำที่ระหว่ำงศำล พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๑๕
                  ๑๗  พระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรวินิจฉัยช้ขำดอ�ำนำจหน้ำท่ระหว่ำงศำล พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๑0 และมำตรำ ๑๒
                                                         ี
                                             ี
                  ๑๘  ข้อบังคับคณะกรรมกำรวินิจฉัยช้ขำดอ�ำนำจหน้ำท่ระหว่ำงศำล ว่ำด้วยวิธีกำรเสนอเร่อง กำรพิจำรณำและ
                                            ี
                                                         ี
                                                                                 ื
            วินิจฉัย พ.ศ. ๒๕๔๔ ข้อ ๑๕
   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22