Page 143 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 143
๑๓๐
ิ
สัญญา พระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดีผู้บริโภค มาตรา ๑๐ วรรคสาม เป็นบทยกเว้นต้องตีความโดยเคร่งครัด
้
ว่ากฎหมายยกเว้นให้เฉพาะกรณีผู้บริโภคเป็นโจทก์ฟองหรือฟองแย้งให้ผู้ประกอบธุรกิจรับผิด ศาลอทธรณ์จึง
ุ
้
้
พพากษากลับให้จ าเลยคืนเงิน ๑๕,๐๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปีนับแต่วันฟอง โจทก์ไม่ฎีกา
ิ
มีเพยงจ าเลยฎีกาว่า จ าเลยมีสิทธิน าพยานบุคคลมาสืบถึงการช าระหนี้ในกรณีที่ผู้บริโภคต่อสู้คดีเพอให้ตนพน
้
ื่
ี
้
ผิดด้วย ศาลฎีกาวินิจฉัยขยายความการบังคับใช้มาตรา ๑๐ ออกไป แม้ตามตัวบทจะใช้ถ้อยค าว่า ในการฟอง
ื่
คดีของผู้บริโภคแต่เจตนารมณ์ของมาตรา ๑๐ นั้นเพอต้องการผ่อนคลายหลักเกณฑ์ที่เคร่งครัดในวิธีพจารณา
ิ
คดีแพ่ง เพื่อลดความเหลื่อมล้ าในเรื่องความสามารถในการต่อสู้คดีของผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น ดังนั้น มาตรา ๑๐
ี
จึงไม่ได้เพยงต้องการคุ้มครองผู้บริโภคในฐานะโจทก์เท่านั้นหากยังมุ่งคุ้มครองและเป็นการเออสิทธิประโยชน์
ื้
ิ
ให้แก่ผู้บริโภคในการด าเนินกระบวนพจารณากรณีที่เป็นจ าเลยอกด้วยจึงต้องตีความการบังคับใช้มาตรา ๑๐
ี
ให้รวมถึงการต่อสู้คดีของผู้บริโภคด้วย จ าเลยในฐานะผู้บริโภคจึงมีสิทธิน าสืบพยานบุคคลถึงการใช้เงินได้โดยไม่
อยู่ในบังคับว่า ต้องมีหลักฐานลงลายมือผู้ให้ยืมมาแสดงหรือเอกสารอนเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืน
ั
ิ
่
หรือได้แทงเพกถอนลงในเอกสารนั้นตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ วรรคสอง แต่จ าเลย
น าสืบไม่ได้ว่าช าระเงินกู้คืนแก่โจทก์แล้ว คงน าสืบได้เพยงว่าช าระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ทุกเดือนเป็นเวลา ๒ ปี
ี
ั
เนื่องจากโจทก์เรียกดอกเบี้ยเกินอตราที่กฎหมายก าหนดซึ่งตกเป็นโมฆะ และจ าเลยไม่อาจเรียกร้องให้คืนเงิน
ดอกเบี้ยที่ช าระโดยฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมายได้ กับโจทก์ไม่มีสิทธิได้ดอกเบี้ยดังกล่าวด้วย จึงต้องน าดอกเบี้ย
ที่จ าเลยช าระให้แก่โจทก์ทั้งหมดไปหักต้นเงินตามสัญญากู้ยืมเงินซึ่งค านวณแล้วเป็นจ านวนเกินกว่าต้นเงินที่
จ าเลยต้องช าระคืนแก่โจทก์ จ าเลยจึงไม่มีหนี้ที่ต้องรับผิดต่อโจทก์อีกต่อไป พิพากษายกฟ้อง
ต่อมามีค าพพากษาศาลฎีกาที่ ๕๐๐๒/๒๕๖๒ วินิจฉัยเดินตาม โดยมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่จ าเลย
ิ
้
ได้รับอนุญาตให้ฎีกาว่า จ าเลยต้องห้ามน าสืบเปลี่ยนแปลงแกไขขอความในสัญญากู้ยืมที่ว่ารับเงินไปแล้วหรือไม่
้
เนื่องจากศาลอทธรณ์ฟงว่า โจทก์กับจ าเลยน าสืบพยานหลักฐานยันกัน เมื่อสัญญากู้ยืมระบุข้อความชัดว่า
ุ
ั
จ าเลยกู้ยืมเงินและรับเงินไปจากโจทกแล้ว จ าเลยจะน าสืบว่าไม่ได้กู้ยืมเงินแต่เป็นการท าสัญญาเพอความสบาย
์
ื่
ใจของสามีโจทก์กรณีจ าเลยรับเงินเบี้ยประกันชีวิตจากสามีโจทกก่อนส่งมอบกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งเป็นการน า
์
ิ
่
สืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารฝ่าฝืนมาตรา ๙๔ (ข) ประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความแพงไม่ได้ จ าเลยจึงต้อง
ิ
้
แพคดี ศาลฎีกาเห็นว่า พระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๑๐ ไม่อาจตีความ
้
เคร่งครัดจ ากัดเพียงเฉพาะกรณีที่ผู้บริโภคเป็นโจทก์ฟองคดีผู้บริโภคเท่านั้น แต่เป็นกรณีต้องบังคับใช้บทบัญญัติ
ื่
นี้รวมไปถึงกรณีที่ผู้บริโภคต่อสู้คดีในฐานะจ าเลยในคดีผู้บริโภคเพอพสูจน์ถึงนิติกรรมหรือสัญญาที่ท าขึ้น
ิ
ระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจในคดีที่ผู้ประกอบธุรกิจเป็นโจทก์ฟองผู้บริโภคเป็นจ าเลยด้วย จ าเลยจึง
้
สามารถน าพยานบุคคลมาสืบได้ว่า เหตุที่ต้องท าสัญญากู้ยืมเงินก็เพอความสบายใจของโจทก์กับสามีโจทก์
ื่
เพราะเงินเบี้ยประกันภัยมีจ านวนสูงมาก ข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่า จ าเลยกู้ยืมเงินโจทก์ พิพากษายกฟ้อง