Page 51 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 51

38


                 แม้มีรายงานการสืบสวนขยายผลซึ่งเจ้าพนักงานต ารวจลงลายมือชื่อรับรองก็ตาม แต่เมื่อไม่น าเจ้าพนักงานต ารวจ

                 ผู้นั้นมาเบิกความและยังไม่ใช่เจ้าพนักงานต ารวจที่ร่วมจับกุมตนเองหรือเป็นพนักงานสอบสวนในคดีที่ตนเองถูก
                                                37
                 ด าเนินคดี ย่อมไม่มีน้ าหนักให้เชื่อถือ  ก็ตาม แต่ยังคงพบว่ามีหลายกรณีเป็นการกระท าโดยมิชอบโดยเจ้า
                 พนักงานผู้จับนั้นเอง ซึ่งแนวค าพิพากษาฎีกาข้างต้นไม่อาจแก้ปัญหานี้ได้อย่างรอบด้าน
                              ื่
                            เพอป้องกันมิให้มีการซื้อขายใบ ๑๐๐/๒ หรือสร้างพยานหลักฐานเท็จแล้วน ามายื่นต่อศาล
                                                                 ้
                 ผู้เขียนมีความเห็นว่าศาลควรวางหลักเกณฑและวิธีการให้ขอมูลของผู้กระท าความผิดหรือจ าเลยต่อเจ้าพนักงาน
                                                     ์
                 ไว้เป็นขั้นตอนและแบบปฏิบัติอย่างเดียวกัน โดยประการแรก เจ้าพนักงานผู้จับหรือพนักงานสอบสวนควรต้อง
                                                          ี
                 บันทึกถ้อยค าที่ผู้กระท าผิดให้ข้อมูลไว้อย่างละเอยด โดยเฉพาะชื่อ ภูมิล าเนาที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และ
                 รูปพรรณสัณฐานของผู้กระท าผิดรายอน รวมถึงพฤติการณ์การซื้อขายยาเสพติดไว้ในบันทึกการจับกุมหรือ
                                                  ื่
                 ค าให้การชั้นสอบสวน ประการที่สอง เมื่อขยายผลจับกุมผู้กระท าผิดรายอนตามข้อมูลนั้นได้แล้ว ควรต้อง
                                                                                ื่
                                                                                   ื่
                 บันทึกชื่อผู้กระท าผิดที่ให้ข้อมูลลงในบันทึกการจับกุมของผู้กระท าผิดรายอนนั้นด้วย หรือหากจับกุมตัว
                                                                        ื่
                 ผู้กระท าผิดรายอนไม่ได้แต่มีการขยายผลไปยึดยาเสพติดจ านวนอนได้ หรือยึดอายัดทรัพย์สินอนที่ได้มาจาก
                               ื่
                                                                                                ื่
                 การกระท าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดก็ควรต้องบันทึกชื่อผู้กระท าผิดที่ให้ข้อมูลลงในบันทึกการตรวจยึดยาเสพ
                 ติดของกลางหรือบันทึกการตรวจยึดทรัพย์สินนั้นแทน ประการที่สาม ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน
                 การขยายผลการจับกุมผู้กระท าผิดรายอนตามข้อมูลนั้นไว้ในส านวนการสอบสวนเพอน าเสนอในชั้นศาล
                                                    ื่
                                                                                          ื่
                 ประการที่สี่ ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะส่งส านวนการสอบสวนให้พนักงานอยการกลั่นกรองตามระเบียบของ
                                                                                ั
                 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดฯ ควรให้เสนอส านวนการสอบสวนดังกล่าวต่อผู้ก ากับการ
                 สถานีต ารวจซึ่งเป็นหัวหน้าสถานีต ารวจ หรือเสนอต่อผู้บังคับการซึ่งเป็นหัวหน้ากองบังคับการ อนเป็น
                                                                                                      ั
                 ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยงานนั้นให้พจารณากลั่นกรองก่อน โดยผู้ก ากับการสถานีต ารวจหรือผู้บังคับการ
                                                   ิ
                 (แล้วแต่กรณี) ต้องลงลายมือชื่อรับรองการตรวจสอบในเอกสารหลักฐานของมาตรา ๑๐๐/๒ และท าหนังสือ
                                                                   ี
                 รับรองการให้ข้อมูลตามมาตรา ๑๐๐/๒ แนบไว้ด้วย มิใช่มีเพยงหัวหน้าชุดจับกุมซึ่งเป็นระดับรองสารวัตรหรือ
                 สารวัตรลงลายมือชื่อในบันทึกการจับกุมเท่านั้น  จากนั้นจึงเสนอส านวนการสอบสวนให้พนักงานอยการ
                                                          38
                                                                                                       ั
                 พิจารณาตามระเบียบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดฯ ต่อไป และประการที่ห้า ในกรณีที่
                 พนักงานผู้จับหรือพนักงานสอบสวนจะมาเบิกความเป็นพยานในเรื่องมาตรา ๑๐๐/๒ ต่อศาล หากเป็นกรณี

                 พนักงานอยการบรรยายค าร้องตามมาตรา ๑๐๐/๒ มาในค าฟองซึ่งศาลควรต้องไต่สวนเพอให้ได้ข้อความจริง
                                                                                           ื่
                          ั
                                                                     ้
                 โดยมีการขอศาลออกหมายเรียกให้มาเบิกความ ในหมายศาลควรระบุด้วยว่าเป็นเรื่องมาตรา ๑๐๐/๒ แต่หาก
                 พนักงานผู้จับหรือพนักงานสอบสวนเป็นพยานที่ผู้กระท าผิดหรือจ าเลยน ามาเอง กรณีนี้ควรต้องได้รับอนุญาต
                 เป็นหนังสือจากผู้ก ากับการสถานีต ารวจหรือผู้บังคับการ (แล้วแต่กรณี) โดยเนื้อหาในหนังสืออนุญาตจะต้อง

                                                                                       ื่
                 ระบุชัดว่าเป็นเรื่องมาตรา ๑๐๐/๒ พร้อมกับน าหนังสืออนุญาตนี้มายื่นแสดงต่อศาลเพอรวมเก็บไว้ในส านวนคดี
                 ของศาลด้วย มิใช่เพียงแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาที่ปกครองโดยตรงทราบล่วงหน้า ๑ วัน ซึ่งโดยทั่วไปเจ้าพนักงานต ารวจ
                 ที่จะมาเบิกความมักเป็นต ารวจชุดจับกุมที่เป็นชั้นประทวนไปจนถึงรองสารวัตร ผู้บังคับบัญชาโดยตรงก็


                       37  ค าพิพากษาฎีกาที่ ๒๔๔๖/๒๕๖๒.
                       38  ค าสั่งส านักงานต ารวจแห่งชาติที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ เรื่อง การอ านวยความยุติธรรมในคดีอาญา การท าส านวนการ
                 สอบสวน และมาตรการควบคุม ตรวจสอบ เร่งรัดการสอบสวนคดีอาญา บทที่ ๔ มาตรการควบคุม ตรวจสอบ และเร่งรัดการ
                 สอบสวนคดีอาญา.
   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56