Page 94 - โครงการแกว_Neat
P. 94
87
เครื่องแต่งกายธรรมดา หมายถึง เครื่องแต่งกายประจำวันที่ใช้ไปในที่ชุมนุมหรือสาธารณในโอกาสที่ได้ใช้
งานพระราชพิธีหรือรัฐพิธี
เครื่องแต่งกายแบบไทย โดยเฉพาะของสตรี หมายถึง การแต่งกายที่อาจใช้วัตถุอย่างใดอย่างหนึ่งที่ทำขึ้น
ในประเทศไทยหรือวัตถุที่มีลวดลายอย่างไทยหรือประดิษฐ์ให้มีลักษณะอย่างไทย
เครื่องแต่งกายแบบสากล หมายถึง การแต่งแบบสากลนิยม สุภาพบุรุษให้แต่งแบบสากลนิยมสำหรับ
สุภาพสตรี หมายถึง การสวมเสื้อ กระโปรง ซึ่งอาจเป็นชุดติดกันหรือคนละท่อนแล้วแต่สมัยนิยม
การแต่งกายในปัจจุบัน สังคมไทยได้มีการกำหนดการแต่งกายประจำชาติ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ
ชาติไทย ดังนี้
การแต่งกายของชาย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
การแต่งกายทั่วๆ ไป มักนิยมแต่งชุดสากล ชุดซาฟารี เสื้อเชิต ไม่ได้ผูกเนคไท เสื้อฮาวาย หรือทีเชิ้ต
แล้วแต่โอกาส และสถานที่
การแต่งกายชุดประจำชาติ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ได้มีพระราชดำริให้
ช่างของกรมศิลปากรออกแบบเครื่องแต่งกายชายขึ้น เรียกว่า “ชุดพระราชทาน มี 2 แบบคือ
แบบที่ 1 เสื้อคอกลมมีขอบตั้ง ตัวเสื้อยาวคลุมสะโพก แขนสั้น ผ่าหน้าตลอด คิดกระดุม 5 เม็ด มีกระเป๋า
ล่าง 2 ใบ เจาะหรือกันฝากระเป๋า รอบคอ สาบเสือปลายแขนพับแบบนี้ใช้เป็นชุดลำลอง ใช้กับกางเกงขายาว
แบบสากล ใช้ได้ทุกโอกาสในตอนกลางวัน เช่นสวมใส่ไปทำงาน และงานพิธีต่าง ๆ
แบบที่ 2 ตัวเสื้อและกางเกงเหมือนแบบที่ 1 แต่แขนยาวจรดข้อมือ มีผ้าคาดเอวให้ชายผ้าห้อยลงมา ชุด
พระราชทานแบบที่ 2 นี้ใช้เฉพาะโอกาสพิเศษ เวลาค่ำ เช่น งานพิธีการหรืองานเลี้ยงรับรอง
การแต่งกายของสุภาพสตรี แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
การแต่งกายทั่วไป เป็นชุดลำลอง นิยมแต่งกันเป็น แบบสากล เช่น ชุดกระโปรงเสื้อติดกันหรือแยกกันก็
ได้ และถ้าออกงานสังคมเวลากลางคืน อาจใช้ชุดราตรีสั้นหรือกระโปรงยาวได้เช่นกัน
การแต่งกายชุดประจำชาติ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ได้โปรดพระราชทาน
แบบมีดังนี้