Page 156 - โครงการ_Neat
P. 156

- 152 -








                      ในการประกอบธุรกิจ บุคคลอาจเลือกประกอบธุรกิจได้ 2 ลักษณะด้วยกัน

              คือ กระทําโดย บุคคลคนเดียว กล่าวคือ บุคคลนั้นเป็นเจ้าของกิจการทางธุรกิจ


              นั้นๆ เอง (Sole  Proprietorship)  ซึ่งการเลือกทําธุรกิจในลักษณะนี้ มีข้อดีคือ


              อํานาจการบริหารและการตัดสินใจรวมถึงผลกําไรจากการ ประกอบการนั้นจะ


              เป็นของเจ้าของธุรกิจนั้นๆ เอง แต่ก็มีข้อเสียคือ หากธุรกิจดังกล่าวเป็นธุรกิจที่


              ต้อง ใช้เงินลงทุนสูงหรือใช้ความรู้ความสามารถหลายแขนงเข้ามาใช้


              ประกอบการตัดสินใจหรือวางแผน การดําเนินธุรกิจให้รอบคอบขึ้น ก็อาจจะไม่


              เหมาะต่อการลงทุนในลักษณะนี้ อีกประการหนึ่งคือการทําโดย เขารวมกับผู้อื่น


              หมายถึง การเข้าร่วมทางด้านเงินทุนและอํานาจในการตัดสินใจดําเนินการ และ


              เมื่อ เป็นเช่นนี้อํานาจบริหารหรือผลประกอบการก็ย่อมกระจายไปยังผู้ร่วมลงทุน


              คนอื่นๆ ด้วย และเมื่อบุคคล เข้าดําเนินธุรกิจร่วมกัน กฎหมายก็ได้กําหนด


              หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดการกิจการที่เข้าหุ้นกันนั้นไว้


              ควำมหมำยและลักษณะกำรด ำเนินงำนของห้ำงหุ้นส่วน


                      ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1012ได้กําหนดนิยามในการเข้า


              ทํากิจกรรมทางธุรกิจ ร่วมกันไว้คือ มาตรา 1012 บัญญัติว่า “อันสัญญาจัดตั้งห้าง

              หุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นคือ สัญญาซึ่งบุคคลตั้งแต่ สองคนขึ้นไปตกลงเข้ากันเพื่อ


              กระทํากิจการร่วมกัน ด้วยประสงค์จะแบ่งปันกําไรอันจะพึงได้แต่กิจการ ที่ทํา


              นั้น” ซึ่งจากมาตรา 1012 นี้สามารถพิจารณาลักษณะของสัญญาเข้าเป็นหุ้นส่วน


              ได้ดังนี้คือ


              1. ต้องมีบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ซึ่งกฎหมายกําหนดเพียงจํานวนขั้นตํ่าคือ 2 คน


              แต่ไม่ได้กําหนด จํานวนขั้นสูงไว้ ดังนั้นผู้เป็นหุ้นส่วนจะมีจํานวนเท่าไรก็ได้


              รวมถึงกฎหมายใช้คําว่าบุคคล ดังนั้นผู้เป็น หุ้นส่วนอาจเป็นนิติบุคคลก็ได้
   151   152   153   154   155   156   157   158   159   160   161