Page 115 - พลังงานและสิ่งแวดล้อม
P. 115
104
ประเทศต่างๆ โลก ก่อนการเปลี่ยนแปลงตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉบับที่ 1 ซึ่ง
เริ่มต้นปี พ.ศ. 2504 นั้น พลังงานที่ใช้ได้แก่พลังงานจากน้ํามันซึ่งมีปริมาณไม่มากนัก
เพราะการคมนาคมขนส่ง การผลิตภาค คตสาหกรรมมีน้อย พลังงานไฟฟ้ามีจํากัดใช้ใน
เมืองใหญ่หรือเมืองสําคัญ ผลิตโดยใช้น้ํามัน และถ่านหิน ประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งอยู่ใน
ชนบท ใช้พลังงาน และทรัพยากรในท้องถิ่นเป็นหลัก เพราะแบบแผนการผลิต และการ
บริโภคยังเป็นแบบสังคมเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่ เช่น ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ ไม้
พื้น ถ่าน แกลบ และเชื้อเพลิงอื่นๆ ที่หาได้จากธรรมชาติ
ในปี พ.ศ. 2500 ปริมาณการใช้น้ํามันอยู่ในระดับ 6 ล้านบาร์เรล เมื่อเริ่มการพัฒนา
แบบใหม่ ความต้องการใช้น้ํามันได้เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ คือ เมื่อเริ่มแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2510 ความต้องการใช้น้ํามันเพิ่มขึ้นเป็น 19 ล้าน
บาร์เรล มากขึ้นถึงกว่า 3 เท่า หลังจากนั้นอีก 10 ปี คือ พ.ศ. 2520 การใช้น้ํามันเพิ่ม
เป็น 70 ล้านบาร์เรล และความต้องการใช้มีอัตราการเพิ่มขึ้นในลักษณะ ก้าวกระโดดอยู่
ตลอดเวลา มิใช่เพียงน้ํามันเท่านั้น การใช้พลังงานของประเทศไทยมีลักษณะเพิ่มมากขึ้น
ทุกปี โดยการเพิ่มในช่วง พ.ศ. 2529 2539 มีอัตราเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 16.8 น้ํามัน
สําเร็จรูปยังเป็นพลังงาน ที่ใช้กันมากที่สุด
จากสถิติปริมาณการนําเข้าน้ํามันในรอบ 14 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
เรื่อยๆ แม้ว่าจะ ลดลงบ้างในช่วงปี พ.ศ. 2541 และ 2542 เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว
จากปัญหาการลอยตัวของ ค่าเงินบาทในช่วงเศรษฐกิจยุคฟองสบู่แตก แต่ในปี พ.ศ.
2547 ปริมาณการนําเข้าน้ํามันได้เพิ่มสูงขึ้นมาก และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นต่อไปจาก
การขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และในปี พ.ศ. 2555 การนําเข้าพลังงานเพิ่ม
กว่าปีก่อนร้อยละ 8.2 โดยมีการนําเข้าพลังงานเชิงพาณิชย์สัดส่วนร้อยละ 99.9 ของการ
นําเข้าพลังงานทั้งหมดและพลังงานหมุนเวียนดั้งเดิม ร้อยละ 0.1
ปี 2557 ราคาน้ํามันดิบตลาดโลกเฉลี่ยยังอยู่ในระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
แต่หลังจากนั้น ราคาได้ไต่ลงมาเรื่อยๆ และจนถึงปี 2559 มีการคาดการณ์กันว่าราคา
น้ํามันดิบดูไบเฉลี่ยน่าจะอยู่ในระดับ 40-45 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ํามัน
ตลาดโลกที่คงระดับต่ํา มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน