Page 188 - พลังงานและสิ่งแวดล้อม
P. 188
171
พลอดุลยเดชจะทรงมีพระราชดําริให้ไปศึกษา ความเป็นไปได้ในการตั้งโรงไฟฟ้าพลังน้ํา
ไปพร้อมๆ กัน อันเป็นการจัดการ “น้ํา” เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด
นอกจากนั้นโครงการสร้างเขื่อนและโรงไฟฟ้าพลังน้ําอันเนื่องมาจากพระราชดํารินั้น
ส่วนใหญ่ เป็นโครงการขนาดเล็ก ซึ่งมุ่งผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อตอบสนองความต้องการ
ของชุมชนบริเวณดังกล่าว เป็นหลัก ลดการนําเข้าพลังงานจากภายนอกท้องถิ่น ซึ่งเป็น
ตัวอย่างการค้นหาและนําพลังงานที่มีอยู่ ในท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และหาก
ชุมชนสามารถพึ่งพาพลังงานที่ผลิตขึ้นได้เองภายในชุมชน หรือนําเข้าพลังงานจาก
ภายนอกท้องถิ่นให้น้อยที่สุด ก็ย่อมช่วยให้การพัฒนาพลังงานในระดับประเทศ มั่นคง
และยั่งยืนตามไปด้วย
หลักการแห่งความมีเหตุผลของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชนั้น
ทําให้ทรงมีสายพระเนตรอันยาวไกลไปถึงอนาคต อย่างเช่น เรื่องน้ํามันแก๊สโซฮอล์ เมื่อ
ทรงมีพระราชดําริ ให้มีการศึกษาวิจัยนั้น น้ํามันราคาถูก แต่เมื่อพิจารณาถึงเหตุผลว่าใน
อนาคตข้างหน้า น้ํามันมีแต่จะหมดไป ขณะที่คนต้องการใช้น้ํามันเพิ่มมากขึ้น ราคา
น้ํามันจึงจะแพงขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน หากจะรอให้น้ํามันแพง เสียก่อน ค่อยมาคิดศึกษาวิจัย
ก็คงไม่ทันต่อความต้องการ จึงมีพระราชดําริให้เริ่มศึกษาตั้งแต่เมื่อ ยี่สิบกว่าปีก่อน เป็น
การศึกษาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และเป็นที่ประจักษ์ถึงคุณประโยชน์อเนกอนันต์ ของ
แนวพระราชดําริดังกล่าว
การพัฒนาพลังงานอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นไบโอดีเซล พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมที่
เกิดขึ้นในสังคมไทยก็ล้วนเกิดขึ้นบนหลักของความมีเหตุผลนี้เช่นเดียวกัน
5. หลักแห่งควำมพอประมำณ
การดําเนินการของโครงการอันเกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่
เกิดขึ้นตาม พระราชดํารินั้นล้วนแต่ยึดหลักความพอประมาณทั้งสิ้น ซึ่งก็คือความพอดี
ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป
พระราชดําริเกี่ยวกับโครงการพัฒนาพลังงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพลังน้ํา เชื้อเพลิง
ชีวภาพ พลังงาน แสงอาทิตย์ พลังงานลม ฯลฯ ไม่ได้เน้นที่ขนาดความใหญ่โตของ