Page 24 - พลังงานและสิ่งแวดล้อม
P. 24
19
3. รูปแบบของพลังงำน
พลังงานมีหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบมีรายละเอียดและความสัมพันธ์ต่อเนื่องกัน
ดังนี้
1. พลังงำนศักย์ หมายถึง พลังงานที่เก็บหรือแฝงในวัตถุนั้น เช่น ก้อนหินมีพลังงาน
ศักย์ จึงทําให้ โมเลกุลของมันเกาะรวมกันอยู่เป็นก้อน แบตเตอรี่รถยนต์หรือถ่านไฟฉาย
ก็มีพลังงานศักย์อยู่เช่นกัน พลังงานศักย์สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานจลน์ได้
2. พลังงำนจลน์ หมายถึง พลังงานที่มีในวัตถุ เนื่องมาจากการเคลื่อนที่ของวัตถุด้วย
ความเร็ว เช่น ก้อนหินตกลงสู่พื้นได้เพราะมีพลังงานจลน์เกิดขึ้นจากการเคลื่อนที่ของ
ก้อนหินนั้น ปริมาณของ พลังงานจลน์ขึ้นอยู่กับมวลสารและความเร็ว เช่น กระสุนปืนที่
ยิงออกไปย่อมมีพลังงานมากกว่า กระสุนปืนที่ถูกขว้างออกไปด้วยมือ หรือก้อนหินที่มี
ขนาดใหญ่ย่อมทําลายวัตถุอื่นได้มากกว่าก้อนหิน ที่มีขนาดเล็กเมื่อถูกขว้างออกไปด้วย
ความเร็วที่เท่ากัน พลังงานภายใน หมายถึง พลังงานที่มีอยู่ในวัตถุหรือระบบจะมีการ
เปลี่ยนแปลงเมื่อวัตถุหรือ ระบบมีการเปลี่ยนสภาพ หรือมีการแปรรูปซึ่งจะทําให้มีการ
ถ่ายเทพลังงานระหว่างวัตถุหรือระบบ เกิดพลังงานในรูปแบบต่างๆ
3. พลังงำนกล เป็นพลังงานที่นํามาใช้ประโยชน์โดยผ่านกลไกหรืออุปกรณ์ต่างๆ งาน
ที่ได้จากอุปกรณ์จัดเป็นงานที่ได้จากการ เคลื่อนที่โดยอาจเริ่มจากพลังงานศักย์ที่สะสม
ในวัตถุ แล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานจลน์ เมื่อมีการเคลื่อนที่ และเมื่อมีการนําพลังงานที่ได้
จากวัตถุที่กําลังเคลื่อนที่ มาใช้งานโดยผ่านอุปกรณ์แปลงพลังงาน งานที่ได้จาก อุปกรณ์
นั้นเป็นงานกล เช่น น้ําหลังเขื่อนมีพลังงานศักย์ สะสมอยู่ภายใน เมื่อปล่อยให้น้ําไหล จะ
มีการเปลี่ยน พลังงานศักย์เป็นพลังงานจลน์ เมื่อนําน้ําที่ไหลไปผ่านกังหัน ทําให้เพลาใน
กังหันหมุน สามารถนําไปขับเคลื่อนเครื่องกําเนิด ไฟฟ้าได้ งานที่ได้จากเพลา คือ งานกล
4. พลังงำนควำมร้อน เมื่อวัตถุมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ จะเกิดการถ่ายเทความรู้
ซึ่งเป็นพลังงานที่สัมผัสได้ และสามารถนํามาใช้ประโยชน์ได้ เช่น ความร้อนจากเชื้อเพลิง
ความร้อน ที่เกิดจากการเสียดสีของวัตถุ เป็นต้น ในการเปลี่ยนรูปของพลังงาน มักเกิด
การสูญเสียในรูปของ พลังงานความร้อน เช่น หลอดไฟที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็น