Page 83 - พลังงานและสิ่งแวดล้อม
P. 83
74
การใช้พลังงานนิวเคลียร์จึงแพร่หลายเฉพาะในประเทศที่มี ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
ซึ่งมีขีดความสามารถในการจัดการกับปัญหา และความเสี่ยง
สําหรับประเทศไทยปัจจุบัน มีการนําสารกัมมันตรังสีมาใช้ในด้านการแพทย์ (การ
ผลิต เวชภัณฑ์ปลอดเชื้อ) การเกษตร (การถนอมอาหาร) และด้านอุตสาหกรรม (การ
ตรวจสอบการเชื่อมโลหะ)
ผลกระทบของสารกัมมันตรังสีต่อสิ่งมีชีวิต การทําปฏิกิริยานิวเคลียร์จะมีการ
ปลดปล่อย รังสีประเภทต่างๆ ออกมา ประกอบด้วย รังสีแกมมาที่มีอํานาจทะลุทะลวง
สูงสุดต้องใช้คอนกรีตหนาๆ กั้นขวางจึงจะหยุดรังสีนี้ได้ ส่วนรังสีเบตา และรังสีแอลฟามี
อํานาจในการทะลุทะลวงต่ํามาก อาจใช้แผ่นไม้ และแผ่นกระดาษกันไม่ให้ผ่านได้ รังสีที่
มีอํานาจทะลุทะลวงต่ํา ได้แก่ เบตา และแอลฟาจะเป็นอันตราย
ผลกระทบจากการรัวไหลของรังสีระหว่างดําเนินการ โดยปกติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะ
ป้องกันอันตรายโดยการตรวจวัดปริมาณรังสีในสิ่งแวดล้อมรอบๆ โรงงานเป็นประจําแต่ก็
อาจเกิดได้หากไม่ระมัดระวัง เช่น การระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เมืองเชอร์โนบิล
ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2528
2. ปัญหำสิ่งแวดล้อมจำกภำคอุตสำหกรรม
การผลิต และการใช้พลังงานในโรงงานก่อให้เกิดมลพิษ และของเสียปลดปล่อยออกมา
ซึ่งอาจส่ง กระทบต่อสังคม และชุมชนที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงกับโรงงาน สรุปได้ดังนี้
น้ําทิ้ง น้ําทิ้งจากโรงงานมีทั้งน้ําที่ระบายทิ้งจากหม้อไอน้ํา หอหล่อเย็น (Cooling
Tower) น้ําเสีย จากกระบวนการผลิต และระบบการหล่อเย็นอื่นๆ น้ําดังกล่าวจะมีสิ่ง
สกปรก มลพิษสารแขวนลอย หรือของเสียปะปนอยู่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อ
สิ่งแวดล้อม
ขยะหรือกากของเสีย ขยะจากโรงงานอุตสาหกรรมมีทั้งขยะที่มีอันตรายและไม่มี
อันตราย ซึ่งจะต้องมีการกําจัดโดยกระบวนการเผา แยกขยะนํากลับมาใช้ใหม่ หรือ
บําบัดความเป็นพิษของ กากของเสียนั้นก่อนนําไปสู่กระบวนการกําจัดปกติหรือการฝัง
กลบในพื้นดิน