Page 666 - เอกสารฝนหลวง
P. 666
ประมวลและยืนยันผลสัมฤทธิ์ฯ เอกสารเฉลิมพระเกียรติฝนหลวง
พอสรุปสาระสําคัญกระแสพระราชดํารัสได้ดังนี้
1. ทรงเน้นถึงความจําเป็นที่ต้องทําการวิจัยและพัฒนากรรมวิธีฝนหลวงขึ้นมาเพื่อแก้ไข
สภาวะแห้งแล้ง ทรงเล่าถึงมูลเหตุที่ก่อให้เกิดโครงการพระราชดําริฝนหลวงขึ้นมา และทรงสรุป
ถึงความก้าวหน้าของการวิจัยและพัฒนาความสําเร็จในการปฏิบัติการ
2. ประเทศไทยประสบปัญหาทั้งนํ้าท่วมและฝนแล้งในขณะเดียวกันขณะที่บางพื้นที่นํ้าท่วม
แต่บางแห่งประสบภาวะแห้งแล้งขาดแคลนนํ้า ต้องร้องเรียนขอความช่วยเหลือ
3. เมื่อเกิดภาวะนํ้าท่วมสร้างความเสียหายมูลค่ามหาศาล ปริมาณนํ้าดังกล่าวมิได้ถูกนํามา
ใช้ประโยชน์แต่ถูกปล่อยให้ไหลลงสู่ทะเล ฉะนั้น การสร้างเขื่อนและอ่างเก็บนํ้าเพื่อเก็บกักนํ้าเอาไว้
นอกจากจะป้องกันอุทกภัยแล้วยังสามารถปล่อยออกไปผลิตกระแสไฟฟ้า และจัดสรรเข้าสู่ระบบ
ชลประทาน รวมทั้งทําให้ป่าไม้และการอนุรักษ์สัตว์ป่าในอาณาบริเวณลุ่มรับนํ้าของอ่างเก็บนํ้าเหล่านั้น
ให้อุดมสมบูรณ์อีกด้วย
4. การทําฝนในบริเวณพื้นที่ลุ่มรับนํ้าของเขื่อน/อ่างเก็บนํ้านั้น ทําได้ง่ายกว่าการทําฝน
เพื่อช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกโดยตรง เพราะพื้นที่ลุ่มรับนํ้ากว้างใหญ่มีสภาพเป็นป่าไม้และเทือกเขา
ซึ่งเอื้ออํานวยต่อการตกของฝน แต่การปฏิบัติการทําฝนช่วยเหลือพื้นที่เกษตรกรรมยังมีความจําเป็น
เพราะพื้นที่เกษตรกรรมส่วนใหญ่อยู่นอกเขตของระบบชลประทาน
5. การเก็บกักนํ้าไว้ตามเขื่อน/อ่างเก็บนํ้า ยิ่งมากเท่าใดยิ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระการใช้เชื้อเพลิง
ในการผลิตไฟฟ้ายิ่งขึ้นเท่านั้น นอกจากนั้นปริมาณนํ้าที่ปล่อยออกมากจากการผลิตไฟฟ้าเข้าสู่
ระบบชลประทานจะช่วยลดพลังงานในการสูบนํ้าเพื่อเกษตรกรรมอีกด้วย ปัญหาคือ จะมีวิธีการอย่างไร
ที่จะนํานํ้าจากเขื่อนที่มีนํ้ามากเกินระดับเก็บกักของเขื่อนหนึ่งไปยังอีกเขื่อนหนึ่งได้โดยไม่ใช้วิธีการสูบนํ้า
นั่นคือ การทําฝนโดยใช้เทคนิคในการเคลื่อนย้ายกลุ่มเมฆฝนไปยังพื้นที่ที่ต้องการเพิ่มปริมาณฝน
6. การทําฝนนั้น ต้องมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ มีการใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า การสร้างเขื่อน/
อ่างเก็บนํ้าบริเวณเทือกเขา จะเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกันนํ้าท่วม และการทําฝนในพื้นที่ลุ่มรับนํ้า
ของเขื่อนจะสามารถหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหานํ้าท่วมบริเวณพื้นที่ท้ายนํ้าของเขื่อน
7. ไม่ใช่แต่เครื่องมือและอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เท่านั้น ต้องควรมีรายงานผลทุกวัน และรายงาน
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากกรมอุตุนิยมวิทยาด้วย
8. นักทําฝนนั้นต้องมีศิลป์ (Art) และวิญญาณ (Spirit) ของนักวิจัยด้วย ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล
สามารถใช้เครื่องบินเพียงเครื่องเดียวทําการโจมตีเมฆให้เกิดฝนตกได้ โดยครั้งแรกจะบินไปโปรยสารเคมี
ที่ระดับยอดหรือไหล่เมฆ แล้วลดระดับลงอย่างเร็วเพื่อโปรยนํ้าแข็งแห้งที่ใต้ฐานเมฆ ปรัชญาของ
ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล คือ ปัญหาทุกเรื่องสามารถแก้ไขได้
599

