Page 6 - ประเพณีไทย 4 ภาค
P. 6
5
ในวันงานประเพณีลอยโคม จะมีการจุดโคมและปล่อยขึ้นบนท้องฟ้าท าให้ท้องฟ้าในยามค่ าคืนสว่างไสวไปด้วยแสงจากโคมลอย ซึ่งมี
ความสวยงามและประเพณีนี้ได้กลายเป็นที่รู้จักของชาวไทยและชาวต่างชาติก็ให้ความสนใจในเอกลักษณ์ของประเพณีลอยโคมเป็น
อย่างมาก โคมลอย หมายถึงประทีปที่จุดไฟแล้ววางบนกระทงและปล่อยให้ลอยไปตามสายน้ า จะมีลักษณะเป็นลูกโป่งขนาดใหญ่ท า
ด้วยกระดาษบางเบาที่ปล่อยให้ลอยไปบนฟากฟ้าโดยใช้ควันไฟ
ประวัติประเพณีลอยโคม
แต่เดิมนั้นในวันขึ้น 15 ค่ า เดือน 12 จะมีพิธีลอยกระทงเรียกว่า พระราชพิธีจองเปรียงชักโคม ซึ่งเป็นพิธีของพราหมณ์ กระท าเพื่อ
บูชาพระเป็นเจ้าทั้งสาม คือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ครั้นคนไทยรับนับถือพระพุทธศาสนาก็ท าพิธี ยกโคม เพื่อบูชา พระ
บรมสารีริกธาตุ พระจุฬามณี ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ลอยโคมบูชาพระพุทธบาท ณ หาดทรายแม่น้ านัมฆทานที ประเทศอินเดีย ส าหรับการ
ลอยกระทงตามสายน้ านี้เกิดขึ้นครั้งแรกตามหลักฐานที่บันทึกเอาไว้ว่านางนพมาศ ซึ่งเป็นสนมเอกของพระร่วงเจ้ากรุงสุโขทัยได้คิดท ากระทงรูป
ดอกบัวและรูปต่างๆถวาย พระร่วงทรงให้ลอยกระทงตามสายน้ าไหลในหนังสือต ารับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ พระร่วงตรัสว่า "แต่นี่สืบไปเบื้องหน้า
โดยล าดับกษัตริย์ในสยามประเทศถึงกาลก าหนดวันเพ็ญเดือน 12 ให้ท าโคมลอยเป็นรูปดอกบัวอุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมฆทานที
ตราบเท่ากัลปาวสาน” ครั้นถึงสมัยรัตนโกสินทร์ มีการท ากระทงขนาดใหญ่และสวยงามมีการประกวดเกิดขึ้น โคมลอยมีความหมายเดียวกับ
"โพยมยาน” คือยานที่ลอยไปในอากาศได้โดยใช้อากาศร้อนหรือแก๊สที่เบากว่าอากาศยกเอายานนั้นลอยไปได้ "โคมลอย” ในที่นี้ มาแต่
หนังสือพิมพ์ตลกของอังกฤษที่ชื่อว่า ฟัน (Fun-ผู้เขียน) ที่ใช้รูปโคมลอยอยู่หลังใบปก หนังสือพิมพ์นั้นเล่นตลกเหลวไหลไม่ขบขันเหมือน
หนังสือพิมพ์ตลก จึงเกิดค าติกัน เมื่อใครเห็นเล่นตลกไม่ขบขัน จึงว่าราวกับหนังสือพิมพ์ฟัน บ้างว่าเป็นโคมลอย บ้างจะพูดให้สั้นจึงคงไว้แต่
โคม โคมลอย ตามนัยของพระราชพิธี๑๒เดือน กับนัยของหนังสืออักขราภิธานศรัพท์ แม้จะดูเหมือนว่าไม่ตรงกันแต่ก็พอจะอธิบายให้เห็นได้ว่า
เป็นวัตถุทรงกลมที่อาศัยความร้อนที่กักไว้ภายในพยุงให้ลอยไปในอากาศได้