Page 367 - 08_กฎหมายอาญา_Neat
P. 367

๓๕๔




                          กรรมเปนเครื่องชี้เจตนา  เปนการวินิจฉัยเจตนาของผูกระทําวามีเจตนาอยางไร
              จากการกระทํา ทั้งนี้โดยพิจารณาจาก

                          ๑.  พฤติการณ กิริยา วาจา ทาทางของผูกระทํา
                          ๒.  ลักษณะบาดแผล รวมไปจนถึงจํานวนบาดแผลของผูถูกกระทํา
                          ๓.  อาวุธ ที่ใชในการกระทํา

                          ๔.  อื่นๆ เชน โอกาสที่กระทํา อารมณ
                          เหตุเกิดจากการถายเลือดหลายครั้งทําใหติดเชื้อไวรัส ในที่สุดถึงแกความตาย การตายของ

              โจทกที่ ๒ เปนผลโดยตรงจากการที่จําเลยที่ ๑ ใชเหล็กแหลมแทงที่หนาทอง จําเลยที่ ๑ มีความผิด
              ตามมาตรา ๒๘๘
                          ®Õ¡Ò·Õè òòõõ/òõòò  จําเลยขับรถปดเสนทาง ไมยอมใหผูตายซึ่งขับรถตามหลังมา

              แซงขึ้นหนา เมื่อรถโดยสารประจําทางแลนสวนมาจําเลยก็แกลงเบรกใหรถหยุดในทันที การกระทํา
              เชนนี้จําเลยยอมเล็งเห็นไดวาผูตายตองหักรถหลบไปทางขวาและชนกับรถโดยสารนั้น ซึ่งจําเลย

              ยอมเล็งเห็นผลของการกระทําของจําเลยไดวาจะมีผูไดรับอันตราย บาดเจ็บและตายเกิดขึ้นจากเหตุ
              ที่รถยนตชนกันนั้น ฉะนั้นเมื่อผูตายถึงแกความตายดวยผลแหงการกระทําของจําเลยดังกลาว จึงได
              ชื่อวาจําเลยมีเจตนาฆาผูตาย

                          ®Õ¡Ò·Õè ñô÷ø/òõòø ผูตายถูกยิงไดรับบาดเจ็บและถึงแกความตายหลังเกิดเหตุ
              ๙ เดือนเศษ เมื่อความตายสืบเนื่องมาจากบาดแผลที่ถูกยิง แมจะเนื่องจากการรักษาบาดแผลไมดี

              จนเปนเหตุใหแผลติดเชื้อ ก็เปนผลธรรมดาอันสืบเนื่องจากการกระทําของจําเลย เมื่อจําเลย
              ยิงผูตายโดยเจตนาฆา จําเลยจึงตองรับผิดฐานฆาคนตายโดยเจตนา
                          ®Õ¡Ò·Õè òòô/òõóö  การที่จําเลยที่ ๓ รองตะโกนบอกจําเลยที่ ๑ และที่ ๒ วา

              “ตีมันใหหมอบเลย” แสดงใหเห็นวาจําเลยที่ ๓ มีเจตนารวมกระทําความผิดกับจําเลยที่ ๑ และที่ ๒
              เมื่อจําเลยที่ ๓ ยอมเห็นไดวา การที่จําเลยที่ ๑ และที่ ๒ ใชไมตีทํารายผูตายที่บริเวณศีรษะและลําตัว

              อาจทําใหผูตายถึงแกความตายได ดังนั้นจึงถือไดวาจําเลยที่ ๓ ไดรวมกับจําเลยที่ ๑ และที่ ๒ ทําราย
              ผูตายโดยเจตนาฆาผูตาย เมื่อผูตายถึงแกความตายเพราะการทํารายดังกลาว จําเลยที่ ๓ จึงมีความผิด
              ฐานรวมกับจําเลยที่ ๑ และที่ ๒ ฆาผูตายโดยเจตนา

                          จําเลยตองเล็งปนไปที่ผูเสียหายเพื่อขูผูเสียหาย ถือวาไมมีเจตนาฆา ดูฎีกาที่  ๖๐๑๐/๒๕๓๐,
              ๓๙๑๖/๒๕๓๔

                          ®Õ¡Ò·Õè öðñð/òõóð  จําเลยใชปนลูกซองสั้นจองเล็งไปยังผูเสียหายที่อยูหางเพียง
              ๗-๘ เมตร หากจําเลยมีเจตนาจะยิงผูเสียหายจริงแลว ก็คงจะใชปนยิงไดโดยงาย เพราะผูเสียหาย
              วิ่งหลบหนีอยูบริเวณนั้น ไมปรากฏวาจําเลยไดงางนกปนขึ้นหรือนิ้วมือของจําเลยอยูในโกรงไกปน

              พรอมที่จะยิงได และไมปรากฏวาผูเสียหายมีสาเหตุโกรธเคืองกับจําเลยมากอน พฤติการณจึงสอแสดง
              ใหเห็นวาจําเลยชักปนออกมาเพื่อขูผูเสียหายที่ไปทวงคาอาหารมากกวาอยางอื่น จําเลยไมมีความผิด

              ฐานพยายามฆาผูอื่น
   362   363   364   365   366   367   368   369   370   371   372