Page 507 - 08_กฎหมายอาญา_Neat
P. 507
๔๙๔
ÍØ·ÒËó
(ñ) ®Õ¡Ò·Õè ôøö/òô÷ò ทอนํ้าอยูในที่ดินของจําเลยเปนทอทางนํ้าไหลติดตอ
กับทอของหลวง และมีมาหลายสิบปแลวกอนจําเลยเปนเจาของ เมื่อเจาของเดิมไดทําสําหรับเปน
ทอระบายนํ้าทั่วๆ ไปแลว ก็ถือวาเปนทอสาธารณประโยชนเชนเดียวกับเปดที่ดินของตนใหเปน
ทางเดิน การที่จําเลยถมทอนํ้านี้จึงมีความผิดตามมาตรา ๓๓๕ ขอ ๑๐
(ò) ®Õ¡Ò·Õè ñõðò/òõñô จําเลยปดกั้นรองนํ้าสาธารณะทําใหนํ้าหยุดไหล ราษฎรไดรับ
ความเดือดรอน โจทกขอใหศาลลงโทษตาม ป.อ.มาตรา ๓๗๕
ò. ¢Ñ´¢ŒÍ§ËÃ×ÍäÁ‹Êдǡ หมายความวา ใชการไมไดหรือใชไมไดเต็มที่
(¢) ทําãËŒà¡Ô´»¯Ô¡ÙÅá¡‹นํ้า㹺‹Í ÊÃÐËÃ×Í·Õè¢Ñ§นํ้าÍѹÁÕäÇŒÊíÒËÃѺ»ÃЪҪ¹ãªŒÊÍÂ
ÁÒμÃÒ óøð ผูใดทําใหเกิดปฏิกูลแกนํ้าในบอ สระหรือที่ขังนํ้าอันมีไวสําหรับประชาชน
ใชสอย ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหนึ่งเดือน หรือปรับไมเกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
องคประกอบของความผิดมีดังนี้
ͧ¤»ÃСͺÀÒ¹͡
๑. ทําใหเกิดปฏิกูล
๒. แกนํ้าในบอ สระหรือที่ขังนํ้าอันมีไวสําหรับประชาชนใชสอย
คํา͸ԺÒÂ
ñ. ทําãËŒà¡Ô´»¯Ô¡ÙÅ
ปฏิกูล บทบัญญัติในมาตรานี้ตรงกับกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๓๓๕ (๑๕) ซึ่งใช
คําวา “ทําใหนํ้า...โสโครก” คําวาปฏิกูลแปลวานาเกลียด ซึ่งศาลฎีกาไดวินิจฉัยในคําพิพากษาฎีกา
ที่ ๑๑๐๘/๒๕๐๕ วา “การกระทําใหเกิดปฏิกูลหมายถึงทําใหนาเกลียดหรือพึงเกลียดหรือเกิดโสโครก
แกนํ้า” ดังนั้น ความหมายของคําวา ทําใหเกิดปฏิกูลจึงตรงกับคําวา “ทําใหโสโครก” คือ ทําใหนํ้า
สกปรก การทําใหนํ้าสกปรกนี้ไมจําเปนวาจะตองเอาของเนาเหม็นหรือสิ่งอันพึงรังเกียจใสเจือปนลงไป
การทําใหนํ้าสกปรกดวยวิธีการใดก็ใชได แตการสกปรกของนํ้าตองมิใชสภาพที่เกิดเปนการชั่วคราว
มิฉะนั้นยังไมถือวา ทําใหเกิดปฏิกูล ตัวอยางที่ถือเปนความผิด เชน ทิ้งซากสัตวเนาลงในบอนํ้า
ที่ใชบริโภค หรือถายอุจจาระปสสาวะลงไปในที่ชาวบานใชอาบ เปนตน
ÍØ·ÒËó
®Õ¡Ò·Õè ññðø/òõðõ จําเลยไปวิดนํ้าเพื่อจับปลาในหนองซึ่งประชาชนใชตักนํ้าเอาไปรด
ผักและเอาไปใหโคกระบืออาบ วินิจฉัยวาการที่จําเลยทําใหนํ้าขุน ยังไมพอฟงวาทําใหเกิดปฏิกูลแก
นํ้าในหนอง เพราะนํ้าขุนเปนสภาพที่เกิดขึ้นจากโคลนในหนองนั้นเองชั่วคราว หาใชทําใหเกิดปฏิกูลไม
จําเลยจึงยังไมมีความผิด
กอนหนานี้ศาลฎีกาไดวินิจฉัยในคําพิพากษาฎีกาที่ ๒๐๗/๒๔๗๔ วาการที่จําเลยกับพวก
ลงจับสัตวนํ้าในหนองที่ขังนํ้า จนทําใหนํ้าในหนองขุนขนเปนโคลนปนนํ้าไปตั้ง ๗-๘ วัน เปนเหตุให
ราษฎรใชสอยและรับประทานนํ้าไมไดตามสภาพเดิม จําเลยจึงมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา

