Page 24 - คู่มือเลือกตั้ง'62.01

หากคิดคํานวณแลวไดเศษเปนทศนิยม ใหใชจํานวนเต็มกอนยังไมตองนับทศนิยม แตถา
ได ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อยังไมครบ 150 คน ก็ใหพรรคการเมืองที่ไดทศนิยมสูงสุด ไดที่นั่ง

เพิ่มกอน ไลไปตามลําดับ

1 1) นําจํานวนผูมาใชสิทธิเลือกตั้งทั้งประเทศ

จํานวนผู้มาใช้สิทธิทั่วประเทศ ไมรวมบัตรเสียเปนตัวตั้ง หารดวยจํานวน
= x ส.ส. ทั้งหมด คือ 500 จะไดผลลัพธเปนตัวเลข
จํานวนที่นั่ง ส.ส ทั้งหมด ชุดหนึ่ง ที่อนุมานวา เปนคาเฉลี่ยของจํานวน
ประชากรตอ ส.ส. หนึ่งที่นั่ง

2 2) เมื่อจะหาจํานวน ส.ส. ของพรรคการเมืองใด

คะแนนที่พรรคนั้นได้ ก็นําคะแนนรวมทั้งประเทศที่พรรคการเมืองนั้น
ทั่วประเทศ = จํานวน ส.ส. ไดจากการเลือกตั้งในระบบแบงเขตมาเปนตัวตั้ง
x ที่พรรคนั้น แลวนําตัวเลขที่ไดจากขอ (1) ไปหาร ผลลัพธจะ
ควรได้
เปนจํานวน ส.ส. ที่พรรคการเมืองนั้นควรจะมีได
ในการเลือกตั้งครั้งนี้
3 3) นําจํานวน ส.ส. ที่พรรคการเมืองนั้นควร

จะมีได จากขอ (2) มาเปนตัวตั้ง ลบดวยจํานวน
จํานวน ส.ส. จํานวน ส.ส. จํานวน ส.ส.
ที่พรรคนั้น - ที่ได้จากระบบ = ระบบ ส.ส. แบบแบงเขตทั้งหมดที่พรรคการเมือง
ควรได้ แบ่งเขต บัญชีรายชื่อ นั้นไดมาแลว ผลลัพธ คือ จํานวน ส.ส. จากระบบ
บัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองนั้นจะไดรับ

สูตรการคํานวณเชนนี้ มีขอดี คือ ทําใหทุกคะแนนที่ประชาชนออกเสียงไปมีความหมาย

แมจะลงคะแนนใหกับผูสมัครที่ไมชนะในเขตนั้นๆ คะแนนก็ยังถูกหยิบมาใชไดอีกชั้นหนึ่ง
แตก็มีขอเสียคือ ระบบแบบนี้ก็ทําใหพรรคการเมืองขนาดใหญเสียเปรียบ หากชนะการเลือกตั้ง
ในระบบแบงเขตจํานวนมาก ก็อาจจะได ส.ส. จากระบบบัญชีรายชื่อนอยมาก หรือไมไดเลย
ขณะที่พรรคการเมืองขนาดกลางๆ ที่มีฐานเสียงแข็งแรงเฉพาะในบางพื้นที่ อาจจะได ส.ส.
จากระบบบัญชีรายชื่อมากกวาความนิยมของประชาชนที่มีอยูจริงๆ

19