Page 97 - EBOOK-TRON_2018

ความสำาคัญและความเป็นมา

ธุรกิจเวชสำาอางและความงามเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตและขยายตัวอย่างต่อเนื่องทุกปี เพราะในยุคปัจจุบัน เลือดจระเข้ ได้แก่ สารสกัดเม็ดเลือดขาว ฮีโมโกลบิน พลาสมา และซีรัม นั้นมีความสามารถในการยับยั้งการเจริญ

ทั้งเพศชาย เพศหญิง ในทุกๆ ช่วงวัย ต่างให้ความใส่ใจเกี่ยวกับสุขภาพ ความงาม และผิวพรรณ รวมทั้งการดูแล ของเชื้อแบคทีเรียได้ทั้งแกรมบวก แกรมลบ ได้แก่ Pseudomonas aeruginosa (clinical isolate), P. aeruginosa

ตัวเองมากขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงทำาให้ธุรกิจความงาม คลินิกดูแลรักษาผิวพรรณ เครื่องสำาอางและเวชสำาอางแบรนด์ ATCC 2785, Staphylococcus epidermidis, S. typhi (clinical isolate), S. typhi B (clinical isolate), S. typhi
ชั้นนำาต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เพื่อรองรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่สูงขึ้น โดยพบว่าปัจจุบันตลาดผลิตภัณฑ์ ATCC 5784 , Vibrio cholerae (clinical isolate) รวมทั้งสามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อรา Candida albican ได้

เครื่องสำาอางมีความหลากหลายทั้งในเรื่องของราคาและคุณภาพที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค (Preecharram et al., 2008 & 2010; Srihongthong et al., 2010; Pata et al., 2011; Jandaruang et al., 2012;

และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน นำาไปสู่การแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดที่มีมูลค่ามหาศาล Kommanee et al., 2012) นอกจากฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราแล้ว ยังพบว่าเลือดจระเข้สามารถ

เพิ่มสูงขึ้นทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ ทำาให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่คำานึงถึงภาวการณ์แข่งขัน แสดงฤทธิ์ทางชีวภาพอื่นๆ เช่น ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ฤทธิ์ต้านอักเสบ และฤทธิ์สมานแผล เป็นต้น ในปัจจุบันมี

เชิงธุรกิจมากกว่าคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ซึ่งส่งผลให้มีผลิตภัณฑ์เครื่องสำาอางที่ด้อยคุณภาพและความปลอดภัย ผลิตภัณฑ์แคปซูลเลือดจระเข้ที่ผลิตออกจำาหน่ายสู่ท้องตลาด โดยบริษัทศรีราชาโมด้าฟาร์ม และมีความเป็นไปได้
ต่ำาออกจำาหน่ายในธุรกิจความงามมากขึ้น ส่งผลเสียต่อผู้บริโภค เนื่องจากมีสารเคมีที่อันตรายเป็นองค์ประกอบ สูงที่จะพัฒนาต่อยอดเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งจากคุณสมบัติทางชีวภาพที่กล่าวมาข้างต้น จึงมีความเป็นไป

ของครีมคุณภาพต่ำา เช่น สารปรอท และสารสเตียรอยด์ที่ช่วยเพิ่มความขาวให้ผิว แต่มักเกิดผลข้างเคียงและส่ง ได้สูงที่สามารถนำาเลือดจระเข้มาเป็นองค์ประกอบหลักในการพัฒนาตำารับครีมเวชสำาอางสำาหรับผิวหนัง ซึ่งตลาด

ผลเสียต่อผิวในระยะยาว ผู้บริโภคส่วนใหญ่จึงเริ่มคำานึงถึงคุณภาพผลิตภัณฑ์เครื่องสำาอางในการดูแลผิวพรรณ เครื่องสำาอางในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมามีการเติบโตแบบก้าวกระโดดเฉลี่ย 18% ต่อปี โดยมีมูลค่าตลาดรวม 2.1 แสน
ในระยะยาวมากขึ้น โดยพบว่าผลิตภัณฑ์ธรรมชาติได้เข้ามามีบทบาทต่อคนไทยมากยิ่งขึ้น ทั้งในแง่ของการอุปโภค ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 60% มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท และตลาดส่งออก 40% มูลค่า 9 หมื่นล้านบาท

และบริโภค โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่ยอมจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยสูง ขณะที่ภายหลังจากการเปิดประชาคมอาเซียนในปี 2558 ธุรกิจเครื่องสำาอางมีการแข่งขันกันรุนแรงและคาดว่า

โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ดังนั้นการศึกษาเพื่อค้นหาสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากสิ่งมีชีวิตทั้ง พืช และ ในปี 2563 มูลค่าตลาดรวมจะเติบโตกว่าเดิมเป็นเท่าตัว โดยเฉพาะภาคการส่งออก ซึ่งมีโอกาสขยายตัวกว่า

สัตว์ จึงเป็นสิ่งจำาเป็นอย่างยิ่ง ดังจะเห็นได้จากการมีผลิตภัณฑ์เหล่านี้ออกสู่ตลาดมากขึ้น เช่น (1) กลุ่มอาหาร 2 แสนล้านบาท ทั้งนี้พบว่าตลาดอุตสาหกรรมเครื่องสำาอางในประเทศไทยกลุ่มสกินแคร์ มีมูลค่าสูงถึง 400,000 ดังนั้นปัจจุบันจึงนิยมใช้วิธีการตัดด้วยเอนไซม์โดยการใช้

เพื่อสุขภาพในรูปแบบเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เช่น ซุปไก่สกัด น้ำาผลไม้สกัดเข้มข้น หรือ เปปไทด์จากถั่วเหลือง ล้านบาท เป็นผลิตภัณฑ์บำารุงเพื่อผิวขาวถึง 48% ผลิตภัณฑ์บำารุงผิวแบบทั่วไป 43% และผลิตภัณฑ์บำารุงแบบ เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (hyaluronidase) โดยในการศึกษา
เป็นต้น (2) กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำาอางจากสารสกัดธรรมชาติ ซึ่งปัจจุบันได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วทั้งผู้ประกอบการ ให้คุณประโยชน์เฉพาะ 9% ซึ่งถือว่า “สกินแคร์” เป็นตลาดที่ใหญ่มาก และขยายตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ นี้จะใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดสเพื่อใช้ในการเตรียมกรดไฮ

และจำานวนผู้บริโภค ส่งผลให้เครื่องสำาอางจากสารสกัดธรรมชาติเป็นอีกส่วนหนึ่งของธุรกิจความงามที่น่าสนใจ ฤทธิ์ทางชีวภาพของส่วนประกอบจากเลือดจระเข้มีความสามารถทำาให้เกิดการสมานแผลได้เร็ว และลดการเกิด ยาลูโรนิกจากแหล่งต่างๆ เช่น ข้อไก่ ข้อหมู ข้อวัว เอ็นไก่

การอักเสบพร้อมกับทำาให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวใหม่ (cell proliferation) ซึ่งน่าจะเป็นฤทธิ์ที่มีความสำาคัญเพื่อใช้ เอ็นหมู เอ็นวัว และหงอนไก่ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการช่วย
เป็นส่วนประกอบในการพัฒนาตำารับครีม ที่นอกเหนือจากการใช้รักษาผิวหน้า เช่น แผลจากไฟไหม้ น้ำาร้อนลวก เพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ที่เหลือจากอุตสาหกรรมเหล่า

จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าธุรกิจเครื่องสำาอางประเภทออร์แกนิกส์ (Organics) จะเป็นอีกตลาดที่มีความสำาคัญ แสงแดด ความร้อน ไฟฟ้า หรือสารเคมีได้ นี้ให้มีมูลค่าสูงขึ้น ถือเป็นการศึกษาเชิงบูรณาการอย่าง
อย่างมาก ซึ่งเป็นไปตามเทรนด์ของโลกที่พยายามกลับคืนสู่ “ธรรมชาติ” หากผู้ประกอบการไทยสามารถ นอกจากคุณสมบัติทางชีวภาพที่ดีเยี่ยมของเลือดจระเข้ต่อการนำามาพัฒนาตำารับครีมเวชสำาอางแล้ว พบว่า แท้จริง ซึ่งงานวิจัยนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการสร้าง

ประยุกต์ใช้สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพผนวกกับเทคโนโลยีในกรอบภูมิปัญญาไทย สร้างเอกลักษณ์ของ การพัฒนาตำารับครีมเวชสำาอาง นอกจากจะอาศัยฤทธิ์ทางชีวภาพต่างๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว คุณสมบัติ องค์ความรู้เพื่อต่อยอดงานวิจัยต่อไป เพื่อตอบโจทย์

เครื่องสำาอางไทยได้ จะทำาให้เกิดสินค้าใหม่ๆ ที่สร้างโอกาสทางการตลาดในธุรกิจความงามได้เป็นอย่างดี ของเวชสำาอางในกลุ่มครีมบำารุงผิวที่ดีต้องมีคุณสมบัติการเพิ่มความชุ่มชื้น ความสามารถลดเลือนริ้วรอย ซึ่งกรด ของนักวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของสารออกฤทธิ์
ปัจจุบันประเทศไทยนำาเข้าผลิตภัณฑ์ธรรมชาติคิดเป็นจำานวนเงินมหาศาล ทั้งที่ความจริงแล้วผลิตภัณฑ์จำานวนมาก ไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic acid) หรือ HA ถือเป็นองค์ประกอบสำาคัญอย่างมากในส่วนประกอบของครีมบำารุงผิว ทางชีวภาพจากแหล่งธรรมชาติ ในลักษณะการวิจัย

ที่นำาเข้าจากต่างประเทศหลายอย่างนั้น สามารถผลิตและพัฒนาได้เองในประเทศ ดังนั้นการพัฒนาเศรษฐกิจ ที่มีหน้าที่สำาคัญในการซ่อมแซมเซลล์ผิวที่ถูกทำาลาย ช่วยเร่งขบวนการหายของแผล และมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เชิงบูรณาการ เพื่อเป็นฐานข้อมูลโปรตีนหรือเปปไทด์

จากฐานความหลากหลายทางชีวภาพหรือทรัพยากรทางชีวภาพในประเทศจึงเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วย รวมทั้งมีคุณสมบัติในการเก็บกักน้ำาได้มากมายจนกลายเป็นไฮโดรเจลในชั้นผิวหนัง ทำาให้คอลลาเจนและอีลาสติน จากสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ข้อปล้อง นอกจากนั้น

พัฒนาขีดความสามารถให้แก่ผู้ประกอบการในการแข่งขันและสร้างความได้เปรียบเชิงธุรกิจ เพื่อเป็นการ ในชั้นผิวหนังมีความชุ่มชื้นและมีความยืดหยุ่น โดยทั่วไปการเตรียมกรดไฮยาลูโรนิกจะใช้สารเคมีในการตัด องค์ความรู้ที่ได้สามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม

ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศได้อย่างดียิ่ง โพลีเมอร์ของไฮยาลูโรนิกที่มีโมเลกุลใหญ่ ซึ่งมีข้อเสีย คือ เกิดสารเคมีตกค้าง และได้ผลการตัดที่ไม่จำาเพาะ ที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
หากพิจารณาถึงความหลากหลายทางชีวภาพ ประเทศไทยถือว่ามีความหลากหลายทางชีวภาพติดอันดับ ในอนาคต

1 ใน 10 ของโลก จากที่ตั้งของประเทศซึ่งอยู่ในเขตร้อนชื้นจึงส่งผลให้ประเทศไทยมีทรัพยากรทางชีวภาพ ดังนั้นโครงการวิจัยนี้จึงมุ่งเน้นการประยุกต์ใช้

ไม่ว่าจะเป็นพืช หรือสัตว์อยู่เป็นจำานวนมหาศาล แต่หากพิจารณาถึงสัตว์ที่น่าสนใจ จระเข้น้ำาจืดสายพันธุ์ไทย เลือดจระเข้ ที่มีการศึกษาโดยละเอียดถึงบทบาทหน้าที่
(Crocodylus siamensis) จัดเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่ทำารายได้ให้กับประเทศไทยไม่น้อย ซึ่งประเทศไทยได้ชื่อว่า ที่ชัดเจน เพื่อต่อยอดงานวิจัยเชิงประยุกต์ในการพัฒนา

เป็นแหล่งที่เพาะพันธุ์จระเข้มากที่สุดในโลก นอกจากนี้จระเข้ยังเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่ประชาชนทั้ง ภายใน ตำารับผลิตภัณฑ์เวชสำาอางต้นแบบ (prototype) ในรูป

ประเทศและต่างประเทศนำามาบริโภคเป็นอาหารเสริมเพื่อบำารุงร่างกาย และนำามาใช้ในทางการแพทย์แผน แบบครีมบำารุงผิว ที่มีส่วนผสมของโปรตีนและเปปไทด์

โบราณ นอกจากเนื้อและหนังซึ่งเป็นส่วนที่มีการแปรรูปเป็นหลักแล้ว ปัจจุบันพบว่าเลือดจระเข้ซึ่งเป็นผลผลิต ออกฤทธิ์ทางชีวภาพรวมถึงการใช้กรดไฮยาลูโรนิก โดย

ที่เหลือจากอุตสาหกรรม (by-product) นั้น มีการศึกษาหรือนำาเอามาใช้ประโยชน์น้อยมาก ทั้งที่ส่วนประกอบ คาดหวังว่าองค์ความรู้ที่ได้จะทำาให้เข้าใจถึงกลไกบาง
ในเลือดจระเข้มีความน่าสนใจด้วยประเด็นที่ว่า จระเข้สามารถดำารงเผ่าพันธุ์จากยุคดึกดำาบรรพ์ จนถึงปัจจุบัน ประการในการออกฤทธิ์ทางชีวภาพของเลือดจระเข้

ทั้งที่แหล่งที่อยู่มีภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคง่าย จากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาส่วนประกอบใน สายพันธุ์ไทย เช่น ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะ

น้ำาเลือด จระเข้ เช่น การศึกษาซีรัมจากจระเข้สายพันธุ์อเมริกา (Alligator mississippiensis) พบว่าสามารถ
ยับยั้งการ เจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย (Escherichia coli) และเชื้อไวรัส (HIV-1, WNV และ HSV-1) ได้เป็น

อย่างดี (Merchant et al, 2006) สำาหรับการศึกษาวิจัยเลือดจระเข้สายพันธุ์ไทย (C. siamensis) โดยนักวิจัย

ของศูนย์วิจัยโปรตีนและโปรติโอมิกส์เพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรม (ศปพ.) พบว่าองค์ประกอบ
มหกรรมง�นวิจัยแห่งช�ติ 2561 | 96 97 | Thailand Research Expo 2018