Page 185 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 185

ทั้งห้า นี่คือสัจธรรม/สภาวธรรมที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้แล้ว ได้ชี้ให้เรา พิจารณาเห็นความจริงข้อนี้ เพื่อละ เพื่อคลายอุปาทาน เพื่อการดับทุกข์ อย่างสิ้นเชิง
ขณะทพี่ จิ ารณาถงึ ความเปน็ ไปของรปู ขนั ธ์ เวทนาขนั ธ์ สญั ญาขนั ธ์ สังขารขันธ์ บางทีเราเห็นถึงความไม่เที่ยงของขันธ์ทั้งสี่ แต่ลืมพิจารณาว่า แม้ตัววิญญาณขันธ์เอง ตัวจิตที่ทาหน้าที่รู้เอง ก็ยังมีการเปลี่ยนแปลง/ การเกิดดับ ไม่ต่างจากขันธ์ทั้งสี่นั้นเลย แต่เมื่อไม่มีเจตนาหรือไม่ได้ใส่ใจ ที่จะพิจารณาว่าตัววิญญาณขันธ์นั้นทาหน้าที่เกิดดับด้วยหรือไม่ จึงกลาย เป็นว่าวิญญาณขันธ์เป็นผู้รับรู้อย่างเดียว เป็นตัวตั้งอยู่ตลอดเวลา เมื่อ เป็นแบบนั้นก็ยึดเอาวิญญาณขันธ์นั้นมาเป็นตัวเราเป็นของเรา เราเป็นผู้รู้ เราเป็นผู้ดู เราเป็นผู้เห็น เราไม่ได้เป็นอะไร แต่เราก็เป็นตัววิญญาณ วิญญาณนั้นเป็นเราอยู่
แต่ถ้าพิจารณาตรงที่ว่าแม้แต่ตัววิญญาณรู้/ตัวจิตที่ทาหน้าที่รู้ อารมณ์ต่าง ๆ เมื่อขันธ์ต่าง ๆ/สภาวธรรมแต่ละขณะเกิดดับไป จิตที่ทา หน้าที่รู้ก็ดับไป แล้วก็เกิดใหม่ขึ้นมา ดูซิว่าอะไรเป็นเรา ? ตรงนี้ยิ่งเห็นชัด ว่าอะไรเป็นของเที่ยง แม้แต่จิตที่ทาหน้าที่รู้ก็เป็นไปตามเหตุปัจจัยของตน ท า ห น า้ ท ขี ่ อ ง ต น ท า ห น า้ ท ขี ่ อ ง อ ะ ไ ร ? ต วั ว ญิ ญ า ณ ข นั ธ เ์ ก ดิ ข นึ ้ ม า - ท  า ห น า้ ท ี ่ รบั ร-ู้ แลว้ ดบั ไป จติ ดวงใหมเ่ กดิ ขนึ้ มา-ทา หนา้ ทรี่ บั ร-ู้ แลว้ กด็ บั ไป ๆ แตท่ า หน้าที่ต่อเนื่องกันไม่ขาดสาย เปรียบเหมือนกับแสงไฟที่สว่างตลอดเวลา แตโ่ ดยสภาวะแลว้ มกี ารเกดิ -ดบั ตอ่ เนอื่ งกนั ไมข่ าดสายนนั่ เองจงึ ทา ใหเ้ รารู้ ถงึ ความสวา่ งตลอดเวลา ตอ่ เมอื่ กระแสนนั้ ชา้ ลง/ออ่ นกา ลงั ลง เรากจ็ ะเหน็ ว่าแสงไฟนั้นมีอาการกระพริบ ๆ ๆ ๆ ไม่ต่อเนื่อง มีอาการเกิด-ดับ
181


































































































   183   184   185   186   187