Page 221 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 221
พระองค์มากขึ้นเรื่อย ๆ
ทีนี้ เวทนาทางจิตเป็นแบบนี้ แล้วสัญญาขันธ์เป็นอย่างไร ? พิจารณาแบบเดียวกันเลย อย่างหนึ่งก็คือว่า ยิ่งกาหนดรู้จิตยิ่งว่างยิ่ง ผ่องใสไม่มีตัวตน สัญญาเก่า ๆ บางเรื่องก็ผุดขึ้นมา ก็จะเห็นว่าสัญญา หรอื ความคดิ เรอื่ งราวเกา่ ๆ ทผี่ ดุ ขนึ้ มาเกดิ ขนึ้ ในทวี่ า่ ง ๆ และจติ ทผี่ อ่ งใส จติ ทสี่ งบทา หนา้ ทรี่ บั รถู้ งึ เรอื่ งราวถงึ สญั ญาทปี่ รากฏขนึ้ มา จรงิ ๆ แลว้ มนั เป็นเรื่องราวของอดีตที่ปรากฏขึ้นมา แต่ตัวสัญญาจริง ๆ คือตัวที่จาได้ว่า เรอื่ งทเี่ กดิ ขนึ้ มานนั้ เรอื่ งอะไร นนั่ คอื เปน็ ขณะจติ หนงึ่ ทที่ า หนา้ ที่ ณ ปจั จบุ นั เรื่องราวเป็นเรื่องของอดีต แต่ตัวสัญญาที่ทาหน้าที่จาได้/ระลึกได้ว่านี่ คืออะไรนั่นคืออะไรรู้แล้วดับไปมีแล้วหมดไป อันนี้คือวิถีจิตที่ละเอียด มากขึ้นอีก เป็นเจตสิกดวงหนึ่งที่ปรากฏทาหน้าที่ของตน
แตท่ า ไมพระพทุ ธองคจ์ งึ ทรงตรสั วา่ เปน็ ขนั ธข์ นั ธห์ นงึ่ ? เพราะเขา เกิดขึ้นแล้วดับไป มีแล้วหมดไป ไม่ได้เป็นอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา เรื่อง ราวต่าง ๆ ในชีวิตของเราที่ปรากฏเกิดขึ้นมา ถ้าสัญญาไม่ทาหน้าที่ เรา ไม่สามารถเปรียบเทียบระลึกได้ว่าก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร ปัจจุบันเป็น อย่างไร ความแตกต่างของอารมณ์/ของสภาวธรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก็แยก ไม่ออก เพราะระลึกไม่ได้/จาไม่ได้ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร ถ้าคน เรารู้แต่ปัจจุบัน ก็ไม่สามารถจาสิ่งที่ผ่านมาได้ ไม่สามารถเปรียบเทียบถึง ความแตกต่างของสิ่งต่าง ๆ ได้ เพราะอะไร ? เห็นแล้วก็ลืม เห็นแล้วก็ หาย หายไป...
เหมือนที่เรารู้อารมณ์ปรมัตถ์ แล้วดับไป ดับไป... เห็นแต่ดับ อยา่ งเดยี ว อาจจะระลกึ /จา ไมไ่ ดว้ า่ อาการเกดิ ดบั ทผี่ า่ นมาดบั แบบไหนดบั อยา่ งไร นนั่ หมายถงึ วา่ สภาวธรรมเหลา่ นนั้ จะเปน็ อารมณป์ รมตั ถแ์ ละมอี ายุ
217