Page 256 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 256

252
จุดนี้เป็นเรื่องสาคัญอย่างยิ่ง ที่บอกว่าสติหรือจิตที่ทาหน้าที่รู้ ลมหายใจ รู้เวทนา รู้ความคิด รู้สัญญา รู้การปรุงแต่งต่าง ๆ จิตตรงนี้ทา หน้าที่แล้วค้างอยู่อย่างนั้นตลอด หรือทาหน้าที่รับรู้แล้วก็ดับไป รับรู้ใหม่ แล้วก็ดับไป ? จิตดวงนี้ที่ทาหน้าที่รู้แล้วดับไป เกิดแล้วดับไป มีแล้วหาย ไป แล้วอันไหนที่บอกว่าเป็นตัวเราของเรา ในเมื่อจิตก็ทาหน้าที่ของตน ตรงนั้นอยู่ ? และเรื่องมหัศจรรย์ก็คือว่า จิตที่ทาหน้าที่รู้ที่ประกอบด้วย สติ-สมาธิ-ปัญญาที่แก่กล้าขึ้นนั่นแหละถึงจะเห็นตนเองดับ สติยิ่งมีกาลัง มากเท่าไหร่ก็จะเห็นว่าจิตที่ทาหน้าที่รู้ก็มีการเกิดดับ เกิดขึ้นมา-รับรู้-แล้ว ก็ดับไป ยิ่งเห็นว่าจิตที่ทาหน้าที่รู้เกิดขึ้นมา รับรู้อารมณ์ แล้วก็ดับไป ก็จะ เห็นว่าจิตดวงใหม่ที่เกิดขึ้นมานั้นเป็นอย่างไร
จติ ดวงเกา่ ดบั ไป จติ ดวงใหมเ่ กดิ ขนึ้ มา กใ็ หพ้ จิ ารณาวา่ จติ ดวงใหม่ ที่เกิดขึ้นมานั้นเป็นอย่างไร... มีความผ่องใสมากกว่าเดิม มีความสะอาด มากขนึ้ มคี วามหมดจดมากขนึ้ มคี วามสวา่ งขนึ้ ไหม ? นนั่ คอื การพจิ ารณา ทจี่ ะทา ใหเ้ หน็ ถงึ การขดั เกลาจติ ใจทา ใหจ้ ติ ขาวรอบมคี วามผอ่ งใส มคี วาม อสิ ระ ไมถ่ กู พนั ธนาการดว้ ยโลภะ โทสะ หรอื โมหะ ถา้ พจิ ารณาใหแ้ ยบคาย โดยอาศัยสติ-สมาธิ-ปัญญา ก็จะเห็นว่านี่คือเป้าหมายที่สาคัญ ทาไม พระพุทธองค์จึงทรงตรัสให้โอวาทแก่ภิกษุทั้งหลายให้ทาจิตของตนให้ ขาวรอบ ทาจิตของตนให้ผ่องใสให้หมดจดจากอกุศลที่เข้ามาครอบงา เพราะการทาจิตของตนให้สะอาดให้ผ่องใสมากขึ้นก็จะทาให้การรับรู้ อารมณ์ต่าง ๆ มีความชัดเจนมากขึ้นด้วยเช่นกัน
และที่สาคัญอย่างที่บอกแล้วว่าการพิจารณาอยู่เนือง ๆ อย่างเช่น อาการทางกาย เวทนา จิต ธรรม หรือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็ยังมีความละเอียดที่ต่างไป ขึ้นอยู่กับกาลังของสติ สมาธิ ปัญญาของแต่


































































































   254   255   256   257   258