Page 292 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 292

288
ไหม ? แล้วอารมณ์ภายนอกที่ปรากฏขึ้นมาเป็นของเที่ยง เกิดขึ้นมาแล้ว ตั้งอยู่อย่างนั้นตลอดเวลาหรือเปล่า หรือเกิดขึ้นมาแล้วดับไป มีแล้ว หมดไป มีแล้วหายไป เป็นระยะ ๆ ? เมื่อเห็นความจริงแบบนี้แล้วจะคิด อยา่ งไร ? ทา อยา่ งไรถงึ จะไมท่ กุ ขก์ บั อารมณเ์ หลา่ นนั้ หรอื จา เปน็ ตอ้ งทกุ ข์ ไหม ?
จริง ๆ แล้วที่บอกว่า เพราะความไม่รู้ว่าการทาอย่างนั้นแล้วทาให้ ทุกข์เกิดขึ้น ถ้าทาให้เป็นทุกข์แล้วจาเป็นต้องทาไหม ? ถ้ามีเป้าหมายใน การปฏิบัติเพื่อการดับทุกข์ อะไรที่ทาแล้ว “ขัดกับธรรม” คือไม่ตรงตาม ธรรม ความทุกข์ก็เกิดขึ้นมา เหมือนจะดีแต่ก็ขัดกับธรรมชาติของธรรมะ ที่เกิดขึ้น ความทุกข์ก็เกิดขึ้นมา เพราะฉะนั้น การที่ผู้ปฏิบัติเห็นถึงความ เป็นอนัตตา ความไม่มีตัวตน ความไม่มีเรา แล้วจิตที่ว่างเบาที่ไม่มีตัวตน ดีอย่างไรนั้นอยากให้พิจารณาให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง แล้วจะรู้ว่าอะไรเป็นสิ่ง สาคญั อะไรทที่าใหเ้ปน็ทกุข์อะไรทที่าใหเ้ราอสิระจากความทกุข์เราจะได้ นอ้ มเขา้ มาใสต่ วั พจิ ารณาใหแ้ ยบคายวา่ สงิ่ ไหนบา้ งทที่ า แลว้ ทา ใหเ้ ปน็ ทกุ ข์ ทาอย่างไรความทุกข์ถึงจะไม่เกิดถึงจะดับไป...
เรายังทากิจกรรมการงานไปตามปกติธรรมดา ถ้าเราทากิจกรรม เหล่านั้นด้วยใจที่เป็นธรรม “ใจที่เป็นธรรม” คือทาอย่างไม่มีตัวตน ไม่มี เรา มีแต่สิ่งที่ต้องทาให้ดี ทาให้เหมาะสม ทาแล้วจิตใจเป็นบุญเป็นกุศล มี ความสุขเกิดขึ้นมา ทาแบบนั้นความทุกข์ก็จะไม่เกิดขึ้น นี่คือสภาวธรรม ที่ปรากฏขึ้นมาที่ผู้ปฏิบัติพึงพิจารณาให้แยบคาย แล้วจะรู้ว่าทาอย่างไร จิตใจถึงจะเป็นสุข ทาอย่างไรสติ-สมาธิ-ปัญญาถึงจะพัฒนายิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อความก้าวหน้าในธรรม เพื่อการคลายอุปาทาน เพื่อความทุกข์ลดน้อย ลงไป เบาไป... แม้ในที่สุดเพื่อถึงมรรคผลนิพพาน เพื่อการดับทุกข์อย่าง


































































































   290   291   292   293   294