Page 296 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 296

292
โอวาททพี่ ระองคท์ รงใหก้ บั ภกิ ษทุ งั้ หลายในวนั มาฆบชู ากค็ อื สพั พะ ปําปัสสะ อะกะระณัง การไม่ทาบาปทั้งปวง กุสะลัสสูปะสัมปะทํา การทา กุศลให้ถึงพร้อม สะจิตตะปะริโยทะปะนัง การชาระจิตของตนให้ขาวรอบ นี่คือโอวาทปาฏิโมกข์ที่พระพุทธเจ้าให้เป็นแนวทางในการปฏิบัติให้กับ อริยสงฆ์สาวกผู้ปฏิบัติตามและจะสืบทอดเผยแผ่ศาสนาต่อไป ขนาด กล่าวกับพระอริยเจ้าทาไมถึงยังบอกว่า ไม่ทาบาปทั้งปวง ทากุศลให้ถึง พร้อม ทาจิตของตนให้ขาวรอบหรือให้ผ่องใส... สะจิตตะปะริโยทะปะนัง การชาระจิตของตนให้ขาวรอบหรือผ่องใสนี่ ขาวรอบอย่างไร ผ่องใส อย่างไร ? ถ้าไม่ได้สารวจดูสภาพจิตใจบ่อย ๆ ก็ยากที่จะเห็นว่าสภาพจิต ขาวรอบเป็นอย่างไร
ปัญญาอีกอย่างหนึ่ง การรู้รอบ เราจะรู้อย่างไร ? เบื้องต้นง่าย ๆ ก็คือ “รู้เจตนา” เจตนาที่เป็นกุศล เจตนาที่บริสุทธิ์ เจตนาที่ดี นั่นแหละ เปน็ ตวั เบอื้ งตน้ ทจี่ ะทา ใหเ้ ราเหน็ ไดง้ า่ ย แตล่ กั ษณะของสภาพจติ ทขี่ าวรอบ ที่ว่าง ที่ผ่องใส ที่สะอาดหมดจดนั้น รอบอย่างไรอันนี้ต้องพิจารณาให้ชัด รอบตัวหรือบริสุทธิ์จากทุกเรื่อง ? อันนี้ก็ต้องสังเกต นี่คือรายละเอียด เป็นความประณีตความลึกซึ้งของธรรมะ ทาอย่างไรจิตที่สะอาดผ่องใสจึง เกิดขึ้นมา ? แล้วจิตที่สะอาดผ่องใสกลับขุ่นมัวเศร้าหมองได้เพราะเหตุ อะไร ? อันนี้คือสิ่งที่ผู้ปฏิบัติพึงใช้ปัญญาพิจารณา คือมีสติกาหนดรู้อยู่ เนือง ๆ อยู่บ่อย ๆ จะได้รู้ถึงเหตุปัจจัยที่ทาให้จิตผ่องใสหรือที่ทาให้จิต ขุ่นมัวเศร้าหมอง
จติ ผอ่ งใสดอี ยา่ งไร ? จติ ขนุ่ มวั เศรา้ หมองไมด่ อี ยา่ งไร ? นนั่ กเ็ ปน็ คาตอบว่าทาไมพระพุทธเจ้าจึงบอกให้เราทาจิตให้ขาวรอบ งดการทาบาป ทั้งปวง... “บาปทั้งปวง” คือทางกาย-วาจา-ใจ จริง ๆ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับ


































































































   294   295   296   297   298