Page 298 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 298
294
ตัวเองอย่างลึกซึ้ง เข้าใจตัวเองคือเข้าใจถึงธรรมชาติของจิต ถ้าเราเข้าใจ ตัวเองหรือเข้าใจธรรมชาติของจิตได้อย่างลึกซึ้ง ก็จะเข้าใจถึงจิตของ ธรรมชาติสิ่งรอบตัวด้วยเช่นเดียวกัน
เพราะจติ ดวงไหนเกดิ ขนึ้ มากส็ งั่ ใหท้ า หนา้ ทอี่ ยา่ งนนั้ จติ ทมี่ คี วาม สุข...มีความสุขขึ้นมาแล้วก็ทาหน้าที่ของตนแบบนี้ จิตที่มีความสงบก็ทา หน้าที่ในแบบของตน จิตที่มีความมั่นคงก็ทาหน้าที่ของตน... แล้วส่งผล ต่อชีวิตอย่างไร นั่นคือเป็นธรรมชาติของจิต เหมือนจิตที่เร่าร้อนเป็น ทกุ ขข์ นึ้ มา เขาสงั่ ใหก้ ายใหว้ าจาเปน็ อยา่ งไร สง่ ผลทา ใหช้ วี ติ เปน็ อยา่ งไร... นั่นหมายถึงว่าจิตดวงไหนเกิดขึ้นมาก็ทาหน้าที่ของตนอย่างนั้น เพราะ ฉะนั้น ผู้ปฏิบัติธรรมเพื่อพัฒนาขัดเกลาจิตใจ ให้จิตที่ดีเกิดขึ้น ให้จิตที่ ดีแล้วดียิ่ง ๆ ขึ้นไป อย่างที่พระพุทธองค์ทรงให้โอวาทไว้ว่า หมั่นสารวจ จิตดูจิต หมั่นทาจิตของตนให้ขาวรอบให้ดีรอบ
บางครั้งมีจิตที่ดีที่ขาวที่ใสสว่างรอบตัวไปหมด แต่ปัญญาไม่ได้ รู้รอบ ไม่ได้พิจารณารอบด้าน รู้แค่ด้านเดียว อันนี้จะมีความแตกต่าง ไม่ใช่ว่าจิตขาวรอบแล้วปัญญาจะรู้รอบ... การจะรู้รอบทุกเรื่องก็ต้องใส่ใจ ก็ต้องศึกษาพิจารณา การทาจิตให้ว่าง ให้ผ่องใสกว้างรอบตัว...ทาได้ไม่ ยาก แต่ความเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ที่เข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ การรู้รอบตรงนี้ก็ต้องอาศัยเวลาและอาศัยปัญญาพิจารณาให้แยบคาย เหมือนกับการทาจิตให้ขาวรอบนั่นแหละ การพิจารณาดูจิต ดูความคิด พิจารณาเหตุปัจจัยให้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นดีอย่างไร ไม่ดีอย่างไร
ถา้ จะพดู ใหส้ นั้ ๆ งา่ ย ๆ กค็ อื เราพจิ ารณาวา่ สงิ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ สงิ่ ทกี่ า ลงั ทา สิ่งที่กาลังจะทาอยู่นี้มีประโยชน์อะไร ประโยชน์มากน้อยแค่ไหน ดี อย่างไร ไม่ดีอย่างไร... อันนี้คือหลักสาคัญ เพราะคนเราก็มักจะทาใน