Page 461 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 461

443
เพราะฉะนั้น อย่าประมาท! อัปปมาเทนะ สัมปาเทถะ จงทาความไม่ประมาท ให้ถึงพร้อมเถิด ถ้ารู้อันไหนดีก็รีบทา อันไหนที่ทาแล้วดีสาหรับชีวิตเรา ทาไปเถอะ! อย่าประมาท! เราไม่รู้หรอกเวลาเรามีอยู่มากแค่ไหน ใช้ไปแล้ว เท่าไหร่ล่ะ ? กี่ปีแล้ว ? ๔๐-๕๐ ปี จะ ๖๐ ปีแล้ว! เราไม่รู้เลยว่า “เหลือ” เท่าไหร่ นี่คือสัจธรรม รู้แต่ที่ใช้ไปแล้ว เรารู้แต่วันเกิด เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงบอกว่า “อย่าประมาทนะ!”
ทีนี้ การที่ไม่ประมาท ทาอย่างไรจิตเราถึงจะไม่หลง ? “ไม่หลง” ใน ที่นี้หมายถึงว่า ไม่ตกไปอยู่ในวังวนของความทุกข์ จิตเราจะ “หลุดพ้น” จาก วังวนของความทุกข์ เมื่อไหร่ก็ตามที่จิตเราไม่ทุกข์ ทางที่จะไปคือสุคติภูมิ ฉะนั้น เมื่อไหร่ที่เรามีความทุกข์ มีอารมณ์เป็นตัวนา มีโลภะเป็นตัวนา มี โทสะเป็นตัวนา มีโมหะเป็นตัวนา ทุคติภูมิก็เป็นอันหวังได้ หวังได้เลย! แต่ ถ้าเรายกจิต ทาจิตเราให้ว่างบ่อย ๆ อันนี้สุคติภูมิก็เป็นอันหวังได้ ไม่ต้อง รอนานหรอก ปัจจุบันก็มีความสุขได้ทันที... เข้าใจขึ้นนะ มีตรงไหนอีก ? ใครสงสัยให้ถาม
โยคี : ทาบุญแล้วกรวดน้า บางคนก็ใช้น้า บางคนก็ไม่ใช้น้า ?
พระอาจารย์ : ทาบุญแล้วกรวดน้า บางคนใช้น้า บางคนใช้ด้วยใจ น้าเป็นสัญลักษณ์ ให้พระแม่ธรณีเป็นพยาน พระแม่ธรณีมารับหรือเปล่านั้น เราก็ไม่รู้เหมือนกัน! ถามว่าได้ผลเหมือนกันไหม ? ที่จริงจะใช้น้าก็ได้ กรวด ด้วยใจก็ได้ จริง ๆ ก็คือการแผ่เมตตา การให้พระแม่ธรณีเป็นพยาน “เป็นพยานให้ด้วยนะ ตอนนี้ฉันกาลังทาความดี” แล้วถ้าเราทาความดี แล้ว เปลี่ยนไประลึกถึงเทวดา ให้เทวดาเป็นพยานได้ไหม ? ก็ได้เหมือนกัน! เพราะฉะนั้น การที่เราไปทาบุญที่วัด เทวดาที่วัดเยอะแยะ ทาจิตให้สงบแล้ว ก็น้อมถึงเทวดา มาเป็นพยาน มารับบุญด้วยนะ แผ่เมตตาไปด้วยในตัวก็ได้ ลองดูนะ พิสูจน์ดู...
ใจที่ว่าง ๆ แล้วน้อมถึงบุญที่ทา นึกถึงใครก็ได้ นึกถึงพ่อถึงแม่ ถึง


































































































   459   460   461   462   463