Page 23 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาหัวข้อธรรม
P. 23

883
จากเครอื่ งพนั ธนาการจากความทกุ ขท์ เี่กดิ ขนึ้ นนั่ เองเพราะฉะนนั้ นกั ปฏบิ ตั ิผเู้จรญิ กรรมฐานเพอื่ พฒั นา ปัญญาของตนเอง ก็ต้องรู้จักสังเกตให้ดี สังเกตอยู่เนือง ๆ ขอให้สังเกต ใส่ใจอยู่เรื่อย ๆ อาการอะไรเกิด ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็ต้องใส่ใจ นี่คือการศึกษา
การศึกษาสภาวธรรม ศึกษาสัจธรรม ศึกษาธรรมะ เป็นการศึกษาจากภายใน จากตัวเราเอง โดยที่ ไม่มีตัวเรา ไม่มีความรู้สึกว่าเป็นเรา มีแต่สติ สมาธิ ปัญญา ที่กาลังพิจารณากาหนดรู้ถึงการเกิดขึ้น-ตั้งอยู่- ดับไปของสภาวธรรมอยู่เนือง ๆ นี่แหละคือเส้นทางแห่งความพ้นทุกข์ เส้นทางแห่งความอิสระ ไม่ถูก พันธนาการด้วยโลภะ โทสะ โมหะ เป็นเส้นทางที่จะทาให้จิตผ่องใส สะอาด สงบ ตั้งมั่น บริสุทธิ์ เข้มแข็ง ไม่โดดเดี่ยว ไม่อ้างว้าง ไม่ห่อเหี่ยว เพราะมีจิตที่มีธรรมะเกิดขึ้นแล้ว มีจิตที่ดีแล้ว มีจิตที่มีความตั้งมั่น มีความมั่นคง เป็นที่พึ่งเป็นที่อาศัย
ถ้าใครเป็นอย่างนี้ ลองน้อมพิจารณาดู จะรู้สึกว่าเราอยู่ใกล้พระพุทธองค์เสมอ เมื่อไหร่ที่เราระลึก ถึงพระพุทธองค์ เราก็จะมีความสุข มีความอิ่มใจ ไม่โดดเดี่ยว ไม่แห้งแล้ง แต่ถ้าใครทาจิตให้ว่างได้ ให้ เบาได้ มีจิตที่ดี มีธรรมะเกิดขึ้นแล้ว แต่ลืมพิจารณา ไม่ได้น้อมถึงพระองค์ ก็อาจจะไม่เห็นคุณค่าของจิต ที่ดีของตนเอง หรือเห็นจิตที่ดีแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถแสดงประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่ เพราะบางทีก็จะไม่ มั่นใจไม่ศรัทธาในตัวเอง เมื่อศรัทธาเบาลง ก็จะเกิดความอ่อนไหวในตัวเองหรือในธรรมะที่เกิดขึ้น เพราะ ฉะนั้น การพิจารณาสภาวธรรมตรงนี้ จะเป็นการพิจารณาเพื่อพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น
เมื่อเราเห็นว่า จิตเราว่างเปล่า ไม่มีอะไร แล้วจะยึดอะไร ? ในเมื่อเป็นความว่างที่ทาให้เกิดความ สงบความมั่นคงขึ้นมา ถามว่า ต้องอาศัยอะไรอีก ? ที่สาคัญคือ ต้องรู้ว่าเราต้องทาอะไรต่อไป ทั้งประโยชน์ ตนประโยชน์ท่าน นั่นแหละจึงจะเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดสาหรับชีวิตของเรา การพิจารณาสภาวธรรมที่เกิดจาก ปฏบิ ตั ขิ องตวั เราเองเปน็ ปจั จตั ตงั “เหน็ ” - อาจจะมคี วามแตกตา่ งกนั ในแตล่ ะคน เหน็ ความดเี หมอื นกนั แต่ อาจจะเห็นคนละมุมกัน ตามกาลังของสติ-สมาธิ-ปัญญา ตามลักษณะของอุปนิสัยหรือจริตของแต่ละ คนไป แต่ที่สาคัญคือ ปฏิบัติธรรมแล้วจิตใจดีอย่างไร พัฒนามากขึ้นแค่ไหน นั่นคือสิ่งที่ต้องพิจารณา
เมื่อพิจารณาแล้วเราจะได้รู้ถึงอะไร ? คาว่าอานิสงส์ของการปฏิบัติธรรมนั่นเอง คือประโยชน์ที่เกิด ขึ้นจากการปฏิบัติ ณ ปัจจุบันยังดีขนาดนี้ อนาคตจะเป็นอย่างไร ? อาจจะไม่ต้องกังวลถึงอนาคตหรือชาติ หนา้ เพราะถา้ ปจั จบุ นั ดขี นาดนี้ สบายขนาดนี้ ชาตหิ นา้ กค็ งไมต่ อ้ งหว่ งแลว้ ไมต่ อ้ งกงั วล ชาตนิ ยี้ งั อยดู่ มี สี ขุ ผสั สะทเี่ กดิ ขนึ้ รบั รไู้ ดอ้ ยา่ งสงบ ไมก่ ระทบเขา้ ถงึ ใจ ไมท่ า ใหข้ นุ่ มวั นนั่ ถอื วา่ เปน็ อานสิ งส์ เปน็ สงิ่ ทดี่ อี ยา่ งยงิ่ ถงึ แมค้ นอนื่ จะพรรณาอานสิ งสไ์ วม้ ากมายแคไ่ หนกต็ าม ตวั เราเองนแี่ หละทตี่ อ้ งทบทวนดอู านสิ งสท์ เี่ กดิ ขนึ้ กับเรา ประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับเราว่ามีมากแค่ไหน...
ทบทวนดูประโยชน์ที่เกิดข้ึนกับตัวเอง แล้วเราจะภูมิใจตัวเองว่าอานิสงส์ที่เกิดขึ้นหรือประโยชน์ที่ เกิดขึ้น เกิดขึ้นจากการกระทาของเราเอง เกิดจากการปฏิบัติของเรา เกิดจากกรรมของเราที่กาลังทาอยู่ ไ ม ใ่ ช ผ่ อ้ ู นื ่ บ นั ด า ล ใ ห ้ แ ต เ่ ก ดิ จ า ก ส ต -ิ ส ม า ธ -ิ ป ญั ญ า ท เี ่ ร า เ ข า้ ไ ป พ จิ า ร ณ า ศ กึ ษ า ธ ร ร ม ะ ค า ส อ น ข อ ง พ ร ะ พ ทุ ธ อ ง ค ์ แล้วเราจะรู้ว่าทาไมธรรมะคาสอนของพระองค์นั้น ไม่ว่ามนุษย์หรือเทวดาก็สรรเสริญว่าเป็นสิ่งที่ล้าค่า


































































































   21   22   23   24   25