Page 165 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 165

141
พระพุทธเจ้าก็สอนเราอยู่แล้วว่า เหตุที่ทาให้ทุกข์ เพราะ “ความไม่รู้” เพราะ ความไม่รู้ เราก็ไม่รู้ต่อไป... ไม่รู้ “อะไร?” ไม่รู้ถึงความเป็นธรรมชาติธรรมดา ของรูปนามขันธ์ห้า ที่บอกว่า ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา เกิดขึ้น ตั้ง อยู่ ดับไป อยู่ทุก ๆ ขณะจิต เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตลอดเวลา
เพราะฉะนั้น ที่เราปฏิบัติ จึงให้พิจารณารู้ถึงอาการเกิดดับของ รูปนามเป็นสาคัญ เพื่ออะไร ? เพื่อความดับทุกข์ เพื่อการจะได้เห็นจริงตาม สภาวธรรมที่เกิดขึ้น แล้วเราจะได้รู้ว่า สิ่งที่เราต้องการจริง ๆ คืออะไร และ ผลที่เกิดกับจิตของเราเป็นอย่างไร เวลาจิตผ่องใส ดีอย่างไร จิตขุ่นมัวเศร้า หมอง ไม่ดีอย่างไร ตรงนั้นแหละ
การพิจารณารู้ถึงอาการเกิดดับของรูปนาม การชาระจิตของตนให้ ขาวรอบ จึงเป็นสิ่งสาคัญสาหรับผู้ที่ต้องการความอิสระ ไม่ถูกพันธนาการ ด้วยโลภะ โทสะ โมหะ พยาบาท อิจฉา ถ้าเราละอารมณ์เหล่านี้ได้ ดับความ มีตัวตนได้ ดับความเป็นเรา เข้าถึงความไม่มีตัวตน เป็นอนัตตา พิจารณา อาการเกิดดับ อาการพระไตรลักษณ์ให้ต่อเนื่อง จิตก็จะผ่องใส จะพบกับ ความเป็นอิสระทางใจ ไม่ถูกพันธนาการ ไม่ถูกร้อยรัดอยู่ในวัฏสงสาร ใน ภพหน้าต่อ ๆ ไป ตรงนั้นเป็นสิ่งสาคัญ ธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงตรัสใน วันนี้ เมื่อ ๒,๖๐๐ ปีก่อน จึงเป็นสิ่งสาคัญกับชีวิตของเรา ไม่เคยล้าสมัย เป็นสิ่งจาเป็นสาหรับมนุษย์ทั้งหลายผู้ที่ปรารถนาความดับทุกข์ เพราะฉะนั้น ขอฝากพวกเราทั้งหลายได้พิจารณากัน
แต่ละปี แต่ละปี พอถึงวันสาคัญทางศาสนา วันมาฆบูชา เรามา พิจารณาถึงโอวาทของพระพุทธเจ้า เรามาแสดงความเคารพบูชาพระพุทธเจ้า ด้วยอามิสบูชา ก็คือการเวียนเทียน ดอกไม้ธูปเทียน อีกอย่างหนึ่ง สิ่งสาคัญ ที่สุดก็คือ การปฏิบัติบูชา การชาระจิตของตนให้ผ่องใส หรือการที่เราไม่ ทาบาปทั้งกาย วาจา ใจ แล้วก็ทาความดี กุศลทางกาย ทางใจ ให้สมบูรณ์ ยิ่งขึ้น พร้อมกับชาระจิตใจของเราให้ผ่องใสเบิกบานต่อไป เพื่อประโยชน์


































































































   163   164   165   166   167