Page 163 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 163

139
สิ่งสาคัญว่า ถ้าปรารถนาที่จะชาระจิตของตนให้ขาวรอบ จึงต้องอาศัยการ พิจารณาการเกิดดับของรูปนาม รู้ตามความเป็นจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็น ไปในลักษณะอย่างไร เมื่อเรามีสติกาหนดรู้ในลักษณะอย่างนี้ จิตของเราก็ จะผ่องใส
พระพุทธเจ้าตรัสสอนให้โอวาทแก่พระสงฆ์ ๑,๒๕๐ องค์ แม้เป็น พระอรหันต์แล้ว เป็นพระอรหันต์ที่ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้า โดยตรง ด้วยการกล่าวคาว่า “จงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว” นั่นคือการบวชครั้งแรกในพระศาสนา และให้โอวาท “การไม่ทาบาปทั้งปวง การทากุศลให้ถึงพร้อม การทาจิตของตนให้ขาวรอบ” นี่คือหลักการใหญ่ ๆ ที่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ เป็นไปเพื่อประโยชน์อันยิ่ง ทั้งตัวเองและผู้อื่น โดยเฉพาะเป็นผู้แสวงธรรมแล้ว อันนี้เป็นสิ่งที่จาเป็นต้องทาอย่างยิ่ง ต้องนา ไปประพฤติปฏิบัติ เพื่อประโยชน์สูงสุดของเรา
การศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าก็เช่นเดียวกัน บางทีเราศึกษา ธรรมะของพระพุทธเจ้าเยอะมาก ศึกษาพระไตรปิฎกทั้ง ๔๕ เล่ม สาหรับ ฉบับเต็ม และฉบับอรรถกถาอีก ๑๐๐ กว่าเล่ม มาขยายความ และกับครูบา อาจารย์ต่าง ๆ ธรรมะเยอะแยะมากมาย จนเต็มสองหู เต็มทั้งใจ แต่ไม่ตรง กับสิ่งที่ตัวเองต้องการสักอย่าง ธรรมะมากมาย แต่ไม่ตรงสักอย่างกับสิ่งที่ ตัวเองต้องการ เพราะอะไร ? บางครั้งเราลืมดูว่าเราต้องการอะไร เพียงแต่ เราอยากรู้ตามสิ่งที่คนอื่นอยากรู้
อาจารย์ถึงถามว่า พระพุทธเจ้าสอนธรรมะ “ทุกเรื่อง” กับ “ทุกคน” หรือเปล่า หรือสอนธรรมะ “บางเรื่อง” กับ “บางคน” ? พอเราเรียนธรรมะ ตรงนั้น.. ทาไมเขาจึงหลุดพ้นได้ง่าย ? พระพุทธเจ้าให้ธรรมะตรงกับ “สิ่งที่ เขาต้องการ” เพราะฉะนั้นเขารู้ว่าเขาต้องการอะไร แล้วปฏิบัติตาม เลยเข้าใจ ธรรมะได้ง่าย เข้าถึงธรรมะได้ง่าย
ถ้าเราไม่รู้ว่าเราต้องการอะไร ปฏิบัติธรรมเราก็เข้าถึงได้ยาก เข้าใจ


































































































   161   162   163   164   165