Page 182 - รายงานกิจการประจำปี 2561และการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2561
P. 182
รายงานกิจการประจำาปี 2561 และ
176 การประชุมใหญ่สามัญประจำาปี 2561
เริ่มประชุมเวลา 09.05 น.
นายพิทยา ทิพยโสตถิ ประธานกรรมการ กล่าวเปิดประชุม และดำาเนินการตามระเบียบวาระต่อไปนี้
ระเบียบวาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ
นายพิทยา ทิพยโสตถิ ประธานกรรมการ แจ้งให้ที่ประชุมทราบ ดังนี้
1.1 การประชุมใหญ่วิสามัญในวันนี้ เป็นเรื่องการประชุมที่ขอความเห็นชอบและขอคำาแนะนำาจากมวลสมาชิก
ทุกท่านที่มาร่วมประชุม เพื่อจะได้รับรู้ว่าสหกรณ์ฯ ณ ปัจจุบันมีภาระหนี้สินสำาหรับสมาชิกมากน้อยเพียงใด และใน
คณะกรรมการดำาเนินการชุดปัจจุบันได้ดำาเนินการอย่างไร ซึ่งรายละเอียดจะค่อย ๆ พูดกันถึงที่มาที่ไปของการดูแลผู้รับ
ภาระคำ้าประกัน เมื่อผู้กู้ไม่อยู่แล้ว สหกรณ์ฯ ได้ทำาอย่างไร จะได้เห็นว่า เงินที่นำามาใช้เป็นกองทุนหรือเป็นค่าใช้จ่าย
ในการบริหารจัดการนั้น นำามาจากไหน ใช้อย่างไร กลับคืนจากส่วนใด ซึ่งสมาชิกทุกท่านจะได้รับข้อมูลที่ชัดเจน
ถูกต้อง ไม่เหมือนกับสิ่งที่ได้รับฟังรับรู้จากทางสื่อโซเชียล เพราะสื่อนั้นบางครั้งก็จริงบ้างเท็จบ้าง เมื่อสมาชิกได้เสียสละ
เวลามาประชุมแล้ว สมาชิกจะได้รับรู้ว่าคณะกรรมการดำาเนินการทั้งคณะ บริหารจัดการอย่างไร เหมาะสมหรือไม่
โปร่งใสหรือไม่ ซึ่งการดำาเนินการในวันนี้เพื่อต้องการให้เห็นว่าคณะกรรมการทำางานด้วยความโปร่งใส
1.2 ในขณะที่เข้ามาเป็นประธานกรรมการดำาเนินการของสหกรณ์ฯ เมื่อปี 2560 กับ ปี 2561 เวลาในการ
บริหารจัดการสหกรณ์ฯ ที่มีอยู่ ซึ่งจะขอเล่าให้ฟังเพื่อจะได้รับรู้เงื่อนเวลาก่อนว่าเป็นอย่างไร ผมได้เข้ามาเมื่อเดือน
กุมภาพันธ์ 2560 เมื่อเข้ามาเป็นประธานแล้ว ก็กลายเป็นประธานเสียงข้างน้อย จะเห็นว่า กรรมการบริหารมีอยู่
15 คนรวมทั้งประธาน ปรากฏว่า มีกรรมการเสียงข้างมาก 8-9 คนบริหารจัดการตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
ถึงเดือนตุลาคม 2560 ผมมีเวลาบริหารจัดการเพียง 2 เดือน คือในเดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนธันวาคม 2560 ซึ่งใน
2 เดือนนี้ ผมได้พยายามที่จะดูแลหนี้สูญที่ตั้งขึ้นมาทั้งหมดในปี 2560 จำานวน 290 ล้านบาท เพราะคณะกรรมการ
ก่อนหน้านี้ หรือสหกรณ์ฯ ก่อนหน้านี้ ไม่ได้ดูแลในส่วนนี้ การตั้งสำารองหนี้สูญไม่เป็นไปตามระเบียบของกรมตรวจ
บัญชีสหกรณ์ เมื่อผมเข้ามาก็เข้ามาจัดการให้มีการตั้งหนี้สูญได้ครบถ้วน แต่ยังไม่ 100% เพราะมีเวลาทำางานเพียง
2 เดือน ทำาให้ปีที่แล้วเงินปันผลลดลงจากที่เคยได้ 6% เหลือ 5.6% ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำาไปแล้ว เมื่อถึงปี 2561 หลังจาก
เลือกตั้งในที่ประชุมใหญ่สามัญประจำาปีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ปรากฏว่าเมื่อมีการเลือกตั้งกรรมการเข้ามาก็มี
กรรมการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก บริหารจัดการตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ถึง เดือนมิถุนายน 2561 กลุ่มกรรมการเสียง
ข้างมากก็บริหารจัดการไป ผมในฐานะประธานก็เฝ้าดูการทำางาน แต่เมื่อถึงเดือนกรกฎาคม 2561 ผมก็ได้กลับเข้ามา
ทำางานอีกครั้ง โดยกลุ่มเสียงข้างมากที่มาบริหารจัดการสหกรณ์ก็ชวนประธานว่าต้องมาทำางานตรงนี้ด้วย จึงได้เข้ามา
ดูเรื่องการบริหารจัดการหนี้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ถึง เดือนตุลาคม 2561 เป็นเวลา 4 เดือน ก็เห็นแล้วว่า ถ้าไม่บริหาร
จัดการเรื่องหนี้สินของสมาชิก คือ ขณะนี้หนี้ของสมาชิกผู้กู้มีมาก ผู้กู้หนี ปัจจุบันผู้ที่รับภาระคำ้าประกันเป็นผู้ที่รับหนี้
ของผู้กู้ จะเห็นว่า สหกรณ์ฯ ที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นจนถึงปลายปี 2559-2560 ที่ผมเข้ามาเป็นประธาน มีการฟ้อง
ผู้กู้น้อยมาก แต่เมื่อปี 2560-2561 ที่ผมเข้ามาบริหารจัดการร่วมกับกลุ่มกรรมการชุดนี้ ก็ได้เริ่มดำาเนินการ คือ
เมื่อผู้กู้ไม่ชำาระหนี้ หนีหนี้ จะฟ้องทั้งหมดทุกคน ฟ้องจนกระทั่งตามสืบทรัพย์ ยึดทรัพย์ เมื่อได้ทรัพย์มาก็นำามาชำาระหนี้
ถึงสุดท้ายแล้วไม่มีชำาระหนี้จริงๆ ก็จะต้องเป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งปลายปีนี้จะเห็นผลงานว่ามีการติดตามหนี้อย่างไร