Page 6 - www.Sila.com
P. 6

ขึ้นครองรำชย์สมบัติ

                            ก่อนที่พระบำทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ำเจ้ำอยู่หัวจะสวรรคตได้มีพระรำชหัตถเลขำนิติกรรมเกี่ยวกับกำร

             สืบรำชสมบัติไว้ ควำมตอนหนึ่งว่ำ
             ...หำกมีพระรำชโอรส ก็ให้สมเด็จเจ้ำฟ้ำกรมหลวงสุโขทัยธรรมรำชำทรงเป็นประธำนคณะผู้ส ำเร็จรำชกำรต่ำงพระองค์จนกว่ำ

             พระมหำกษัตริย์จะทรงบรรลุนิติภำวะ แต่ถ้ำไม่มีพระรำชโอรสก็ใคร่ให้สมเด็จเจ้ำฟ้ำกรมหลวงสุโขทัยธรรมรำชำทรงรับรัชทำยำทสืบ
             สันตติวงศ์ตำมรำชประเพณี...

             — พระบำทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ำเจ้ำอยู่หัว
             ขณะที่พระนำงเจ้ำสุวัทนำ พระวรรำชเทวี มีพระประสูติกำลพระรำชธิดำพระองค์เดียว (สมเด็จพระเจ้ำภคินีเธอ เจ้ำฟ้ำเพชร

             รัตนรำชสุดำ สิริโสภำพัณณวดี ในปัจจุบัน) พระบำทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ำเจ้ำอยู่หัวประชวรและเสด็จสวรรคตในวันที่ 26 พฤศจิกำยน
             พ.ศ. 2468 สมเด็จพระเจ้ำน้องยำเธอ เจ้ำฟ้ำฯ กรมหลวงสุโขทัยธรรมรำชำ ได้เสด็จ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมำน ทรง
             แจ้งข่ำวสวรรคตต่อที่ประชุมพระบรมวงศำนุวงศ์เสนำบดีและองคมนตรีผู้ใหญ่แล้ว เจ้ำพระยำธรรมำธิกรณำธิบดี (หม่อมรำชวงศ์ปุ้ม

             มำลำกุล) เสนำบดีกระทรวงวังในขณะนั้น ได้อัญเชิญพระรำชหัตถเลขำพระบำทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ำเจ้ำอยู่หัวอ่ำนในที่ประชุม เสร็จ

             แล้วผู้เข้ำประชุมได้พร้อมกันถวำยอำเศียรวำทแต่สมเด็จพระเจ้ำน้องยำเธอ เจ้ำฟ้ำฯ กรมหลวงสุโขทัยธรรมรำชำ ซึ่งรับเป็นสมเด็จพระ
             เจ้ำอยู่หัว ส ำเร็จรำชกำรแผ่นดินสืบรำชสันตติวงศ์ต่อไป ทั้งที่ไม่ได้ทรงเต็มพระทัยที่จะทรงรับรำชสมบัติ ด้วยทรงเห็นว่ำพระองค์ไม่แก่
             รำชกำรเพียงพอและเจ้ำนำยที่มีอำวุโสพอจะรับรำชสมบัติก็ยังน่ำจะมี

             เมื่อวันที่ 25 กุมภำพันธ์ พ.ศ. 2469 สมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวรับพระบรมรำชำภิเษกโดยมีพระนำมอย่ำงย่อว่ำ พระบำทสมเด็จพระปรมินทร
             มหำประชำธิปก พระปกเกล้ำเจ้ำอยู่หัว และพระนำมตำมจำรึกในพระสุพรรณบัฏว่ำ

             "พระบำทสมเด็จพระปรมินทรมหำประชำธิปก มหันตเดชนดิลกรำมำธิบดี เทพยปรียมหำรำชรวิวงศ อสัมภินพงศพีระกษัตร บุรุษรัต
             นรำชนิกโรดม จำตุรันตบรมมหำจักรพรรดิรำชสังกำศ อุภโตสุชำตส ำสุทธเครำหณีจักรีบรมนำถ จุฬำลงกรณรำชวรำงกูร มหำมกุฏวง

             ศวีรสูรชิษฐ รำชธรรมทศพิธอุต์กฤษฎนิบุญ อดุลยฤษฎำภินิร์หำร บูรพำธิกำรสุสำธิตธันยลักษณ์วิจิตรเสำวภำคยสรรพำงค์ มหำชโนต
             มำงคมำนท สนธิมตสมันตสมำคม บรมรำชสมภำร ทิพยเทพำวตำร ไพศำลเกียรติคุณ อดุลยศักดิเดช สรรพเทเวศปริยำนุรักษ มงคลลัคน

             เนมำหวัย สุโขทัยธรรมรำชำ อภิเนำวศิลปศึกษำเดชนำวุธ วิชัยยุทธศำสตรโกศล วิมลนรรยพินิต สุจริตสมำจำร ภัทรภิชญำณประดิภำน
             สุนทร ประวรศำสโนปสดมภก มูลมุขมำตยวรนำยกมหำเสนำนี สรำชนำวีพยูหโยธโพยมจร บรมเชษฐโสทรสมมต เอกรำชยยศสธิคม

             บรมรำชสมบัติ นพปฏลเศวตฉัตรำดิฉัตร ศรีรัตโนปลักษณ มหำบรมรำชำภิเษกำภิษิกต์ สรรพทศทิศวิชิตเดโชไชย สกลมไหศวรยมหำ
             สวำมินทร มเหศวรมหินทรมหำรำมำธิรำชวโรดม บรมนำถชำติอำชันยำศรัย พุทธำทิไตรรัตนศรณำรักษ วิศิษฎศักตอัครนเรศวรำธิบดี

             เมตตำกรุณำศีตลหฤทัย อโนปไมยบุณยกำร สกลไพศำลมหำรัษฎรำธิบดินทร์ ปรมินทรธรรมิกมหำรำชำธิรำช บรมนำถบพิตร
             พระปกเกล้ำเจ้ำอยู่หัว"

             ในกำรนี้พระองค์ได้สถำปนำหม่อมเจ้ำร ำไพพรรณี พระวรรำชชำยำ ขึ้นเป็น สมเด็จพระนำงเจ้ำร ำไพพรรณี พระบรมรำชินี ซึ่งนับเป็น
             พระอัครมเหสีพระองค์แรกที่ได้รับกำรสถำปนำขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมรำชินีในกำรพระรำชพิธีบรมรำชำภิเษก[18]

             หลังจำกนั้น พระองค์ทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำฯ ให้ตั้งคณะอภิรัฐมนตรี อันประกอบด้วย สมเด็จพระรำชปิตุลำบรมพงศำภิมุข เจ้ำฟ้ำ
             ภำณุรังษีสว่ำงวงศ์ กรมพระยำภำณุพันธุวงศ์วรเดช, สมเด็จพระเจ้ำบรมวงศ์เธอ เจ้ำฟ้ำบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต,
             สมเด็จพระเจ้ำบรมวงศ์เธอ เจ้ำฟ้ำจิตรเจริญ กรมพระยำนริศรำนุวัดติวงศ์, สมเด็จพระเจ้ำบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ำดิศวรกุมำร กรมพระ

             ยำด ำรงรำชำนุภำพ และพระเจ้ำบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ำกิติยำกรวรลักษณ์ กรมพระจันทบุรีนฤนำถ ซึ่งมีหน้ำที่ถวำยค ำปรึกษำรำชกำร

             แผ่นดินและรำชกำรในพระองค์ระหว่ำงที่ยังทรงใหม่ต่อหน้ำที่





                                                                                                      6
   1   2   3   4   5   6   7   8