Page 9 - SLA scabiei 2562
P. 9

Q&A ค าถามในการปฏิบัติตนเกี่ยวกับโรคหิด



               Q : โรคหิดเป็นอย่างไร มีสาเหตุมาจากอะไร และมีอาการรุนแรงมากน้อยขนาดไหน

               A  :  โรคหิด  ( Scabies)  เป็นโรคผิวหนังอัก เ สบที่เกิดจ ากก ารติด เชื้อไร  ชื่อ
               Sarcoptesscabieivarhominis มีขนาดเล็กมากมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น หลังจากที่ได้ติดเชื้อไร

               หิดตัวเมียที่มีไข่อยู่ในตัวมาจากคนอื่นแล้ว หิดก็จะคลานหาที่ ที่เหมาะสม หิดตัวเมียจะวางไข่
               และใช้เวลาในการฟักตัว 3-4 วัน จึงจะเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัย

               Q : หิดสามารถติดต่อกันได้หรือไม่ และมีอาการเป็นอย่างไร

                A : การติดเชื้อเกิดจากการสัมผัสใกล้ชิดกับคนที่เป็นโรคหิด เช่น สัมผัสผิวหนังโดยตรง สัมผัส

               เสื้อผ้า ผ้าปูและที่นอน มักพบว่าเป็นกันทั้งครอบครัวที่มีคนอยู่หนาแน่นหรือระบาดอยู่ใน
               ชุมชน ในคนที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องอาจมีพบเชื้อเป็นหลายล้านตัว

               A : อาการของโรคหิด เมื่อมีผื่นของหิดจะคันมากโดยเฉพาะเวลากลางคืน ซึ่งเกิดขึ้นหลังติดเชื้อ
               ประมาณ 2 สัปดาห์  ผื่นมีลักษณะเป็นตุ่มน้ าใส หรือตุ่มแดงคัน ผื่นจะกระจายไปทั่วตัว บริเวณ

               ที่พบผื่นได้บ่อยคือ ง่ามมือ ง่ามเท้า ข้อพับรักแร้ เต้านม อวัยวะเพศ รอบสะดือ และก้น ในเด็ก
               อาจพบผื่นบริเวณหน้าและศีรษะ ในผู้ป่วยบางกลุ่มเช่นภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง สมองพิการ

               ขาดสารอาหาร เป็นมะเร็ง หรือได้รับยากดภูมิต้านทานของร่างกายอาจมีเชื้อหิดจ านวนมากท า
               ให้ปรากฏรอยโรคเป็นสะเก็ดทั่วตัว (crusted หรือ   Norwegian scabies) ซึ่งต่างจากรอย

               โรคทั่วไป



               Q : มีวิธีรักษาหิดได้อย่างไรและจะรักษาให้หายขาดได้หรือไม่

               A : ในกรณีที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีการติดเชื้อหิดนั้น ผู้ป่วยจะได้รับการรักษา เนื่องจากเชื้อหิด
               เป็นปรสิตภายนอกร่างกายจึงค่อนข้างตอบสนองดีต่อการรักษาด้วยยาทา ซึ่งการทายานั้นต้อง

               ทาทั่วตัวตั้งแต่คอลงไป ไม่ใช่ทาเฉพาะในบริเวณรอยโรค ส าหรับเด็กเล็กอายุต่ ากว่า 3 ปี ควร

               ทาที่หน้าและคอด้วย ข้อควรระวัง คือ ยาบางชนิดมีฤทธิ์ระคายเคืองต่อผิวหนังและขี้ผึ้ง
               ก ามะถัน มีกลิ่นฉุน ไม่ควรทาบริเวณหน้า ดังนั้นการเลือกใช้ยาควรอยู่ภายใต้ค าแนะน าของ

               แพทย์ ในกรณียารับประทานนั้นแพทย์อาจพิจารณาในรายที่จ าเป็น เช่นผู้ป่วยสูงอายุบางราย
               ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยที่มีผื่นหนามากท าให้การซึมผ่านของยาลดลงผู้ป่วยที่

               ไม่สามารถใช้ยาทาหรือมีข้อห้ามในการใช้ยาหลังจากได้รับการรักษาผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้น











               คู่มือการให้บริการประชาชน
               เรื่องกระบวนการตรวจวิเคราะห์หิด (Scabiei)
   4   5   6   7   8   9   10   11