Page 12 - การป้องกันและรักษาความปลอดภัยบนเครือข่าย
P. 12
การป้ องกันและรักษาความมั่นคงปลอดภัยบนเครือข่าย : บทที่ 1 การรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูล
เป้ าหมายที่มีรหัสว่า “AF” แต่ในที่สุดสหรัฐฯก็สามารถถอดรหัสนี้ได้และรู้ว่า “AF” นั้น
หมายถึง มิดเวย์นั่นเอง วิธีการถอดรหัสก็โดยสหรัฐฯ จะส่งข้อความว่า “เกาะมิดเวย์ขาด
แคลนนํ้าจืด” โดยข้อความนี้ไม่ได้เข้ารหัส ทําให้ญี่ปุ่นอ่านข้อความนี้ได้ จึงเข้ารหัสและ
ส่งข้อความนี้ให้หน่วยอื่นทราบ สหรัฐฯสามารถดักอ่านข้อความนี้ได้และถอดรหัส
ออกมา แล้วในข้อความนั้นมีอักษรว่า “AF” ที่ระบุสถานที่ ทําให้สหรัฐฯรู้ได้ทันทีว่าอักษร
“AF” นั้นหมายถึง เกาะมิดเวย์ นั่นเอง
ข้อความไม่ใช่แค่ตัวอังษรที่เข้ารหัสในระหว่างการสื่อสารกัน ข้อความที่สื่อสาร
ด้วยเสียง เช่น วิทยุและโทรศัพท์ก็เป็นข้อมูลอีกประเภทหนึ่งที่ต้องเข้ารหัสเพื่อปกป้ อง
ความลับของข้อมูล หรือเพื่อป้ องกันการดังฟังการสื่อสารด้วยเสียง สหรัฐฯเข้ารหัสเสียง
โดยใช้ นาวาโฮโค้ดทอล์คเกอร์ (Navaho Code Talker) นาวาโฮเป็นชนเผ่าหนึ่งที่มี
ภาษาเป็นของตัวเอง ผู้รับส่งข่าวนั้นจะใช้ภาษานี้ในการสื่อสารกัน ซึ่งถ้าฝ่ายศัตรูมีการ
ดักฟังวิทยุที่สื่อสารกันอาจได้ยินแต่คงไม่เข้าใจภาษาได้
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สหภาพโซเวียตได้ใช้ “One Time Pad” เพื่อ
เข้ารหัสข้อมูลที่รับส่งโดยสายลับ ซึ่งใช้การเข้ารหัสโดยการส่งข้อความบนปึกกระดาษซึ่ง
แต่ละหน้าจะประกอบด้วยตัวเลขที่เป็นเลขสุ่ม แต่ละหน้านั้นจะใช้แทนหนึ่งข้อความ
เท่านั้น รูปแบบการเข้ารหัสแบบนี้จะไม่สามารถถอดรหัสได้ถ้ามีการใช้อย่างถูกต้องคือ
watermark
ใช้หนึ่งคีย์ต่อการเข้ารหัสหนึ่งข้อความ แต่สหภาพโซเวียตใช้อย่างไม่ถูกต้อง โดยมีการใช้
คีย์มากกว่าหนึ่งครั้ง ทําให้ข้อความที่ส่งนั้นถูกถอดรหัสได้โดยง่าย อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่า
จะมีการใช้อย่างถูกต้องแล้วก็ตามก็ยังคงเป็นวิธีการเข้ารหัสที่มีปัญหาในเรื่องของการส่ง
มอบคีย์อยู่ดี
1.1.3 การรักษาความมั่นคงปลอดภัยการแผ่รังสี (Emissions Security)
นอกจากการใช้งานอย่างถูกต้องแล้วการเข้ารหัสข้อมูลที่ดีเป็นสิ่งที่ยากต่อการ
ถอดรหัสได้ ดังนั้นจึงได้มีความพยามยามที่จะคิดค้นวิธีใหม่สําหรับอ่านข้อมูลที่เข้ารหัส
และอยู่ในระหว่างการรับส่ง ในช่วงทศวรรษที่ 1950 ได้มีการค้นพบว่าข้อมูลที่รับส่งนั้น
สามารถอ่านได้โดยการอ่านสัญญาณไฟฟ้ าที่ส่งผ่านสายโทรศัพท์ และอุปกรณ์
4