Page 51 - 14_การเขยนรายงานในหนาทตำรวจ_Neat
P. 51

๔๔



              ¡ÒÃÃÒ§ҹμ¹àÁ×èͶ١͌ҧ໚¹¾ÂÒ¹

                          การรายงานตนเมื่อถูกอางเปนพยาน หมายความถึงการที่ขาราชการตํารวจไดพบเห็น

              เหตุการณที่เกิดขึ้นแลวนํามาบอกเลาเรื่องราวตางๆ ที่ไดดําเนินการไปหรือไดประสบพบเห็นมา
              เพื่อนํามาเปนหลักฐานอางอิง หรือเปนหลักฐานประกอบคดีใหผูกระทําผิดไดรับโทษ เนื่องจากเคย

              ปรากฏวาขาราชการตํารวจที่ถูกอางเปนพยานในคดีอาญาบางคนเบิกความเลอะเลือนแตกตางกับ
              ถอยคําของตนเองที่ใหไวในชั้นสอบสวน หรือพยานที่รูเห็นเหตุการณมาดวยกันใหการคลาดเคลื่อน

              จากความเปนจริง กระทําใหเกิดความระแวงสงสัยในถอยคํานั้น เปนเหตุใหเสียความเที่ยงธรรม
              และบางทีก็เปนผลใหตํารวจนั่นเองตองมีโทษฐานแจงความเท็จหรือเบิกความเท็จได พฤติการณเชนนี้

              ไมเปนที่พึงปรารถนาของทางราชการตํารวจ  ใหพึงเขาใจวาการรักษาความสงบเรียบรอยนั้น
              เปนหนาที่อันสําคัญของตํารวจใหพึงระลึกอยูเสมอวาตนมีหนาที่ในการนี้ยิ่งกวาบุคคลอื่นในการที่จะ

              ตองดูแลรักษาเหตุการณดวยความระมัดระวังใหเหมาะสมกับหนาที่เมื่อประสบเหตุการณที่เกิดขึ้น
              ตองพยายามสังเกตและจดจําพฤติการณนั้นไวโดยละเอียดและดวยความเที่ยงธรรมเพื่อประโยชนดังวานี้
              จึงเปนหนาที่ของผูบังคับบัญชาที่จะตองอบรมผูใตบังคับบัญชาของตนใหเปนผูมีไหวพริบ รูจัก

              สังเกตการณสิ่งที่ควรตองสังเกตและจดจําอยาใหเปนสิ่งที่ควรรูควรเห็นตนเองมิไดสนใจสังเกตหรือจําไว
              ครั้นถูกซักถามก็ใหถอยคําที่ถูกตองไมไดบางคราวก็ใหการพอพนตัวเชนนี้เปนตน ไมควรจะใหมีอยู

              ในนิสัยของตํารวจเปนอันขาดเมื่อไมรูไมเห็นหรือจําไมไดก็ควรบอกไปตามตรงยังดีกวาบอกสงไปหรือ
              บอกเพื่อโออวดหรือแสดงใหเห็นวาตนรูเห็นเหตุการณถี่ถวนตลอดในขอที่ซักถาม ซึ่งไมเปนความจริง

              อีกประการหนึ่งสิ่งเฉพาะหนาที่ควรรูควรเห็นแทๆ โดยมิตองใหความสังเกตเปนพิเศษแตอยางใด หรือ
              ไดรูเห็นมาแลวแตมิไดเอาใจใสที่จะสังเกตหรือจดจําไว ครั้นถึงเวลาใหถอยคําหรือเบิกความก็ไมรู

              ไมเห็นหรือจําไมได ดังนี้ก็ไมสมกับหนาที่ของตํารวจผูรักษาความสงบเรียบรอยที่ดี ตํารวจตองพยายาม
              กระทําตนใหเปนผูมีไหวพริบทันตอเหตุการณ  รูจักสังเกตในสิ่งที่ควรสังเกต  และจดจําไวเพื่อ

              ความเที่ยงธรรมในหนาที่ เชิดชูเกียรติศักดิ์ของตํารวจใหเปนที่นิยมรักใครนับถือของประชาชนตอไป
              คดีบางเรื่องแมจะมีพยานตํารวจผูเดียวก็อาจถือเปนขอชี้ขาดไดโดยปราศจากขอสงสัย ฉะนั้น

              ใหผูบังคับบัญชาหมั่นอบรมตํารวจในเรื่องนี้และถือเปนความสําคัญสวนหนึ่งในหนาที่ของตํารวจดวย
                          ๑.  คดีอาญาที่พนักงานอัยการอางตํารวจเปนพยาน  ถาผูถูกอางเปนตํารวจ

              ชั้นประทวนหรือพลตํารวจใหเปนหนาที่ของผูบังคับบัญชาผูทําการสอบสวนในคดีนั้นเรียกผูที่จะเปน
              พยานนั้นมาชี้แจงและทบทวนความจําของตนที่ใหการไวในชั้นสอบสวน เพื่อปองกันการหลงลืม

              แตถาผูถูกอางเปนพยานเปนตํารวจชั้นสัญญาบัตรเปนหนาที่ของนายตํารวจผูถูกอางนั้นจะตองเตรียมตัว
              เปนพยานตามที่บันทึกไวในสํานวน  แมสงสัยประเด็นขอใดก็ใหติดตอพนักงานอัยการผูวาคดีในคดีนั้น
                          ๒.  ถาจําเลยในคดีที่พนักงานอัยการฟองไดอางตํารวจคนใดเปนพยานจําเลยในคดีอาญา

                              ก.  คดีธรรมดา ใหตํารวจที่ถูกจําเลยอางรายงานชี้แจงขอความที่ตนรูเห็นตอ

              ผูบังคับบัญชาที่ปกครองโดยตรงในที่นั้นทราบลวงหนาอยางนอย ๑ วัน ถาไมสามารถหรือไมมี
   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56