Page 6 - อ.ไพฑูรย์
P. 6

้
                                              “ความในใจของข้าพเจา”
                                               เมื่อมาถึงวันที่ต้องอ าลา



                                                ข้าพเจ้ามีพ่อเป็นครู คุณพ่อสอนอยู่เสมอว่า “ลูกเอ๋ยโตขึ้น

                                         จะเป็นอะไรก็ได้ ตามใจชอบ ขออยู่อย่างเดียว อย่ามาเป็นครู
                                         เพราะมันน่าเบื่อมาก ท าอะไรก็ไม่ได้” แต่พอข้าพเจ้าโตขึ้นมาก็ไป

                                         ท างานป่าไม้ที่ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ ย้ายมาท างานใน

                                         โรงงานอตสาหกรรม ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่ก็ยังไม่ถูกใจ
                                                  ุ
                                         จึงลาออกมาเรียนต่อปริญญาโทและไปท างานที่กรมการพัฒนา

                                         ชุมชน กระทรวงมหาดไทยอยู่นาน 19 ปี โยกย้ายไปมาหลาย

                                         จังหวัด หลายต าแหน่ง มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจนได้ ซี 8
                                         ท างานพิเศษอีกหลายต าแหน่ง เช่น เป็นกรรมการการเลือกตั้ง

                                         เป็นที่ปรึกษากรรมมาธิการในสภาผู้แทนราษฎร เป็นหัวหน้า

                                         วิทยาลัยการพัฒนาชุมชน ที่อ าเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี คิดว่า
                                         จะเดินหน้าต่อไป เป้าหมายก็คือ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ

                       และวันหนึ่งก็มาถึง เมื่อข้าพเจ้าขับรถจากบางละมุงเข้ากรุงเทพฯ มีเสียงโทรศัพท์เข้า

                                                        ี้
               มาบอกว่า “แวะที่ ม.บูรพาหน่อยมีงานเลยง” ข้าพเจ้าก็เห็นว่าผ่านมาแล้ว เสียเวลานิดหน่อย
               คงไม่เป็นไร จึงได้เข้าร่วมงานเลี้ยงที่ใต้ตึกคณะมนุษย์ในปัจจุบันนี้ วันนั้นไม่ได้คุยอะไร

               มากมายเพราะเสียงดังมาก แต่ก่อนจาก ผู้บริหารมหาวิทยาลัยท่านหนึ่งได้ขอนามบัตร

               ข้าพเจ้าไว้ ซึ่งต่อมาอีกประมาณ 5-6 เดือน ผู้บริหารท่านนั้นก็ได้ชักชวนให้มาลองเป็น
               อาจารย์ “ลองดูหน่อยไหม” ข้าพเจ้าก็ ตกลง ลองดู ในที่สุดผู้บริหารมหาวิทยาลัยโดยท่าน

               อธิการบดีผาสุข  กุลละวาณิชย์ ก็มีหนังสือขอให้ข้าพเจ้าออกจากราชการกรมการพัฒนา

               ชุมชนมาปฏิบัติหน้าที่เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยบูรพา ตอนนั้นคิดว่าเป็นการทดลองดู  ตอน
               แรกมาอยู่ที่ภาควิชารัฐศาสตร์ ต่อมามีการแยกตัวกันเกิดขึ้น ข้าพเจ้าได้ไปอยู่ในส่วนของ

               วิทยาลัยการบริหารรัฐกิจ ต่อมาข้าพเจ้าคิดว่าตัวเองชอบในเรื่องการเมืองการปกครอง

                                                                            ู่
               มากกว่า และคิดว่าจะเป็นอาจารย์จริง ๆ แล้ว จึงขอย้ายมาอยที่ภาควิชารัฐศาสตร์
                       ความรู้สึกของข้าพเจ้าต่อการมีอาชีพเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ดูค่อนข้างจะแตกต่าง
               จากเมื่อก่อนที่ คุณพ่อเคยพร่ าสอนว่า    “อย่ามาเป็นครูนะลูก” แต่ตอนนี้ข้าพเจ้ารู้สึกว่า

               การเป็นอาจารย์เป็นอาชีพที่มีอิสระทางความคิด เป็นตัวของตัวเอง ไม่เป็นลูกน้องใครที่ต้อง

               ท าตามทุกอย่างแม้ว่าเราจะไม่เห็นด้วย เสมือนว่าเราได้ออกมาสู่โลกว้าง ที่ไม่มีอะไรมา
               ครอบง าความคิด  ที่ส าคัญคือ เราสามารถหลบเลี่ยงจากอบายมุขและการทุจริตคอรัปชั่นได้

               ง่ายกว่าอาชีพบางอาชีพ ที่ในสังคมไทยมักพบว่า ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานมีส่วนที่จะ

               ชักน าเราไปสู่สิ่งที่ไม่ดี ไม่งามทั้งหลายได้ หากเราไม่ท า ไม่ร่วมมือ เราก็จะกลายเป็นแกะด า
   1   2   3   4   5   6   7   8   9