Page 56 - ตำรา
P. 56
คลื่นเสียง (Sound wave) เกิดขึ้นเมื่อแหล่งกำเนิดเกิดการสั่น พลังงานจากการสั่นจะถูกถ่ายโอน
ให้กับโมเลกุลของตัวกลาง ทำให้โมเลกุลของตัวกลางสั่นในแนวเดียวกับการเคลื่อนที่ของคลื่นเสียง หรือส่งผล
ต่อการเคลื่อนที่ของโมเลกุลอากาศที่อยู่รอบๆ โดยโมเลกุลของอากาศจะเคลื่อนที่จากตำแหน่งเดิมไปชนกับ
โมเลกุลที่อยู่ถัดไปและถ่ายโอนพลังงาน จากนั้นจะถูกดึงกลับไปยังตำแหน่งเดิมด้วยแรงปฏิกิริยา ปรากฏการณ์
นี้จะเกิดขึ้นสลับกันไปมาเมื่อตัวกลางเป็นอากาศซึ่งมีสมบัติของความยืดหยุ่น ดังนั้นคลื่นเสียง จึงจัดเป็นคลื่น
ตามยาว แหล่งกำเนิดคลื่นเสียงเมื่อไม่มีการสั่นหรือโมเลกุลของอากาศอยู่ ในสภาวะปกติความดันเสียง
(Sound pressure) จะมีค่าคงที่ค่าหนึ่งเมื่อคลื่นเสียงเคลื่อนที่ผ่านระยะห่างระหว่างโมเลกุลจะเปลี่ยนไป ณ
่
ี
เวลาขณะใดขณะหนึ่งระยะห่างระหว่างโมเลกุลจะมีคาต่างๆ กัน และเมื่อโมเลกุลของอากาศมการชน ความดัน
ั
อากาศจะมีค่าเพิ่มมากขึ้นจากปกติ ส่งผลให้ความดันเสียง ณ เวลานั้นเพิ่มมากขึ้น เรียกว่าช่วงการอด
(Compression) และเมื่อโมเลกุลของอากาศแยกออกจากกัน ความดันอากาศจะลดลงจากปกติเรียกว่า ช่วง
การขยาย (Rarefaction) เป็นจุดที่มีความดันเสียงต่ำสุด
ภาพที่ 4.4 คลื่นเสียง ที่มา : https://pccchon.ac.th/pdf/p_tuy2.pdf
คลื่นวิทยุ เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูง คุณสมบัติของคลื่นวิทยุนี้สามารถกระจายไปได้เป็น
ระยะทางไกล ด้วยความเร็วเท่ากับแสงคือ 300 ล้านเมตรต่อวินาที เครื่องส่งวิทยุจะทำหน้าที่สร้างคลื่น
แม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูงหรือคลื่นวิทยุ (RF) ผสมกับคลื่นเสียง (Audio Frequency -AF) แล้วส่งกระจาย
ออกไป
ี
ี่
คลื่นวิทยุนี้มีคุณสมบัติที่น่าสนใจประการหนึ่งคือ สามารถสะท้อนได้ทบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟยร์(สูง
55-600 กม.จากพื้นโลก)ในชั้นบรรยากาศนี้ประกอบด้วยอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าอยู่เป็นจำนวนมากเมื่อ
คลื่นวิทยุเคลื่อนที่หรือเดินทางมาถึงชั้นมาถึงชั้นบรรยากาศนี้จะทำการจะสะท้อนคลื่นวิทยุกลับสู้ผิวโลกอก
ี
ดังนั้นจึงทำให้ทำสามารถใช้คลื่นวิทยุในการสื่อสารเป็นระยะทางไกลๆได้ แต่ในกรณีที่เป็นคลื่นวิทยุที่มีความถ ี่
ี
สูงขึ้นการสะท้อนกลับจากบรรยากาศในชั้นนี้ดังกล่าวจะมได้น้อยลง
เมื่อเราได้ทำความเข้าใจถึงลักษณะการแพร่กระจายและการทำงานของคลื่นวิทยุแล้วเราก็จะมาดูกัน
ว่าคลื่นวิทยุนั้นแบ่งออกกันเป็นกี่แบบ
คลื่นวิทยุสามารถแบ่งตามคลื่นความถี่ได้ 4แบบดังนี้
1. LOW FREQUENCY (LF) คลื่นความถี่นี้จะอยู่ในช่วง 30 Khz ถึง 300 Khz.
2. HIGH FREQUENCY (HF) ความถี่นี้จะอยู่ในช่วง 3 MHz ถึง 30 MHz มีการนำมาใช้งานของใน
โรงพยาบาล การกู้ชีพและกู้ภัย เพราะความถี่นี้ไม่เป็นอุปสรรคหรือรบกวนอุปกรณ์ที่โรงพยาบาลใช้งานอยู่
3. ULTRA HIGH FREQUENCY (UHF) ความถี่นี้จะอยู่ในช่วง 300 MHz ถึง 1 GHz. ประเทศไทย
ความถี่ที่อนุญาตให้ใช้คือ 920-925Mhz
46