Page 673 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 673
เอกสารลานธัมม์หมายเลข ๒๑ พละสังขยา ผูก ๒ พบที่วัดท้องลับแล
ั
อ่านปริวรรต : ผู้ถ้วร๒นายเหิยตํวบ่งามสกน้อบพอเปนถ้อยติสไบรานจิ่มเปินและนา
พรองค่เท้าตาไกพรองค่ไหย้เท้าตาควายเพาะวาไจ
บ่ตังได้สลังแผผวร”สม”สมมเนนคนธะบานคีรีสีลหํวนาดานอาย
ขยรยามเมิอยูวัตมอรน้อยแก้วกลาวงเมิงรับแรงทีรางสาวชุมมวรและนายเหิยรางสาวชมเชิยทุกคำ
เช้า
คำอ่าน : ผูกถ้วน ๒ นายเหยตัวบ่งามสักน้อยพอเป็นถ้อยติดใบลานจิ่มเปิ่นและนา
พร่องก็เท่าตาไก่พร่องก็ใหญ่เท่าตาควายเพราะว่าใจ
บ่ตั้งได้สะลั้งแผผวน”สม”สามเณรคันธะบ้านคีรีสีลหัวนาด่านอ่าย
ุ
ี่
เขียนยามเมื่ออยู่วัดม่อนน้อยแก้วกว้างกลางเมืองรับแรงทร้างสาวชุมม่วนและนายเหิยร้างสาวชมเชยทก
คำ
ที่มา : ธัมม์หมายเลข ๒๑ พละสังขยา ผูก ๒ พบที่วัดท้องลับแล ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์
ผู้จาร : สามเณรคันธะบ้านหัวนาสีลด่านอ่าย
ความสำคัญ : พบคำว่า บ้านคีรีศีลหัวนาด่านอ่าย เป็นการระบุพิกัดตำแหน่งด่านของเมืองลับแลว่าอยู่บริเวณ บ้าน
หัวนา ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของตำบลนานกกก อำเภอลับแล และเป็นพื้นที่ๆต่อเนื่องกับ บ้านชายเขาบก ตำบลนานกกก
ี่
สถานทที่พบแนวกำแพงอิฐยาวที่ชาวบ้านเรียกว่ากำแพงเมืองลบแล (สันนิษฐานว่าคือด่านของเมืองลับแล) สอดรับ
ั
กับข้อความในใบลานที่กล่าวถึง ด่านอ่าย (คำว่าอ่ายเป็นคำล้านนาแปลว่าด่าน) และยังปรากฏพบห้วยชายเขาซึ่ง
เป็นเส้นน้ำเก่าแก่อยู่ในบริเวณเดียวกัน
ี่
ส่วนคำว่า บ้านคีรีสิล เป็นภาษาบาลีแปลว่าภูเขาหิน อาจเป็นการบ่งบอกลักษณะพื้นทละแวกนั้นว่ามี
ลักษณะเป็นภูเขาที่มีหินเป็นส่วนประกอบ หรือกองหินที่มีขนาดใหญ่เหมือนภูเขา
ผู้ค้นพบ : คณะทำงานศึกษาประวัติศาสตร์เมืองลับแล (เมืองลับแลง)
ด่านของเมืองลับแล
หน้า ๓๖