Page 10 - C:\Users\Acer\Documents\Flip PDF Professional\ebook\
P. 10
เนื้อเรื่อง น ทิสฺสเร แต่ลูกรักทั้งคู่ไปอยู่ไหนไม่เห็นเลย อยํ โส อสฺสโม โอ
ตโยเทวปุตฺตา ส่วนเทพเจ้าทั้งสามองค์ได้ทรงฟังพระเสาวนีย์พระมัทรีเธอไหว้วอน พระอาศรมเจ้าเอ๋ยน่าอัศจรรย์ใจ แต่ก่อนนี่ดูสดใสด้วยสีทอง เสียงเนื้อนกนี่ร ่า
ขอหนทาง พระพักตร์นางนองด้วยน ้าพระเนตร เทพพระเจ้าก็สังเวชในวิญญาณ ก็พากัน ร้องส าราญรังเรียกคู่คูขยับขัน ทั้งจักจั่นพรรณลองไนเรไรร้องอยู่หริ่งๆ
อุฏฐาการคลาไคลให้มรคาแก่นางพระยามัทรี พอแจ่มแจ้งแสงศศิธร นางก็ยกหาบคอนขึ้นใส่ ระเรื่อยโรย โหยส าเนียงดั่งเสียงสังคีตขับกรสิ่งของทั้งหลายเป็นเครื่องเล่นยัง
บ่าเปลื้องเอาพระภูษามาคาดพระถันให้มั่นคง วิ่งพลางนางทรงกันแสงพลางยะเหยาะเหย่าทุก เห็นอยู่ะโคมไพร โอเหตุไฉนเหงาเงียบเมื่อยามนี้ ทั้งอาศรมก็หมองศรี เสมือน
ฝี ย่างไม่หย่อนหยุด พักหนึ่งก็ถึงที่สุดบริเวณพระอาวาสที่พระลูกเจ้าเคยประพาสแล่นเล่น หนึ่งว่าจะโศกเศร้าเออ ชะรอยว่าพระเจ้าลูกจะวอโยกพลัดพรากไปจากอกพระ
ประหลาดแล้วแลไม่เห็นก็ใจหายดั่งว่าชีวิตนางจะวางวายลงทันที จึ่งตรัสเรียนว่าแก้วกัณหาพ่อ มารดาเสียจริงแล้วกระมังในครั้งนี้ นางก็กลับเข้าไปทูลพระราชสามีด้วยสงสัยว่า
ชาลีของแม่เอ่ยแม่มาถึงแล้ว เหตุไฉนพระลูกแก้วจึ่งมิมาเล่าหลากแก่ใจแต่ก่อนแต่ไรซิพร้อม พระพุทธเจ้าข้า ประหลาดใจกระหม่อนฉัน อันสองกุมารไปอยู่ไหนไม่แจ้งเหตุ หรือ
เพรียง เจ้าเคยวิ่งระรี่เรียงเคียงแข่งกันมาคอยรับพระมารดา ทรงพระสรวลส ารวลร่าระรื่นเริง พากันไปเที่ยวลับพระเนตรนอกต าแหน่งสิงห์สัตว์ที่ร้ายแรงคะนองฤทธิ์มาพาน
รีบเอาขอคานแล้วก็พากันกราบกรานพระชนนี พ่อชาลีเจ้าเลือกเอาผลไม้แม่กัณหาฉะอ้อนวอนไห้ พบขบกัดตัดชีวิตพระลูกข้าพาไปกินเป็นอา หารถึงกระนั้นก็จะพบพานซึ่งกเลวระ
ว่าจะเสวยนม ผทมเหนือพระเพลาพลางฉอเลาะแม่นี้ต่างๆ ตามประสาทารกเจริญใจ ร่างมิเลือดก็เนื้อจะเหลืออยู่บ้างสักสิ่งอันแต่พอแม่ได้รู้ส าคัญว่าเป็นหรือตายสุดที่
วจฺฉา พาลาว มาตรํ มีอุปไมยเสมือนหนึ่งลูกทรายทรามคะนอง ปองที่ว่าจะชมแม่เมื่อ แม่จะมุ่งหมายสุดประมาณแล้ว จึ่งตรัสว่า โอ้เจ้าแว่นแก้วสุดสว่างอกของแม่
สายัณห์ โอพระจอมขวัญของแม่เอ่ยเจ้ามิเคยได้ยากย่างเท้าลงเหยียบดิน รินก็มิได้ไต่ไรก็มิได้ เอ่ยแม่เคยได้รับขวัญเจ้าทุกเวลา เป็นไรเล่าเจ้าจึ่งไม่มาเหมือนทุกวัน มตา หรือ
ตอม เจ้าเคยฟังแต่เสียงพี่เลี้ยงเขาขับกล่อมบ าเรอด้วยดุริยางค์ ยามบรรทมธุลีลมก็มิได้พัดมา ว่าพระลูกเจ้าอาสัญสูญสิ้นพระชนมาน อยู่ในป่าพระหิมพานต์นี้แล้วแล
แผ้วพานแม่สู้พยาบาลบ ารุงเจ้าแต่เยาว์มา เจ้ามิได้ห่างพระมารดาสักหายใจโอความเข็ญใจครั้งนี้นี่
เหลือขาด สิ้นสมบัติพลัดญาติยังแต่ตัวต้องไปหามาเลี้ยงลูกเลี้ยงผัวทุกเวลา แม่มาสละเจ้าไว้เป็น
ก าพร้าทั้งสององค์ หํสาว เสมือนหนึ่งลูกหงส์เหมราชปักษิน ปราศจากมุจลินท์ไปตกคลุกในโคลน
หนอง สิ้นสีทองอันผ่องแผ้ว แม่กลับมาถึงแล้วได้เชยชมชื่นสบาย ที่เหนื่อยยากก็เสื่อมหายคลาย
7
ทุกข์ทุเลาลง ลืมสมบัติทั้งวงศาในวังเวียง โอ แต่ก่อนเอยแม่เคยได้ยินแต่เสียงเจ้าเจรจาแจ้ว ๆ อยู่
ตรงนี้ อิทํ ปทวลํฺชํ นั่นก็รอยเท้าพ่อชาลี นี่ก็บทศรีแม่กัณหาพระมารดายังแลเห็น โน่นก็
กรวดทรายเจ้ายังรายเล่นเป็นกอง ๆ