Page 11 - C:\Users\Acer\Documents\Flip PDF Professional\ebook\
P. 11
แปล วรรณศิลป์
ยะเหยาะ = อัพภาส
เมื่อเทวดาทั้งสามได้ฟังนางมัทรีขอร้องให้หลีกทางพร้อมน ้าตาก็
เหย่าทุกฝี ย่างไม่หย่อนหยุด = จินตภาพด้านการเคลื่อนที่
สงสารเมื่อพระจันทร์ขึ้นแล้ว สัตว์ทั้งสามจึงลุกขึ้นเปิ ดทางแก่นาง
มัทรี นางมัทรีจึงรีบวิ่งกลับอาศรม เมื่อถึงที่พักก็ใจหายเพราะไม่เห็น แก้วกัณหา = อุปลักษณ์
ลูกเล่นอยู่เหมือนเดิม เรียกกัณหากับชาลีก็ไม่ออกมา ทั้งๆที่แต่ก่อนจะ เหตุไฉน = ปฏิปุจฉา
ออกมาหาอย่างพร้อมเพรียงคอยรับเวลาแม่กลับมา ยิ้มหัวเราะอย่างร่า ระรี่ = อัพภาส
เริง เอาคานลงและกราบแม่ ชาลีก็เลือกกินผลไม้ ส่วนกัณหาก็ขอกินนม เสมือนหนึ่ง = อุปมา
ตามประสาเด็กเล็ก ลูกที่รักของแม่ไม่เคยต้องลงมาเดินเหยียบดิน แม่
พระจอมขวัญ = อุปลักษณ์
อุตส่าห์ทะนุถนอมอย่างดี แม่กลับมาหวังจะมาชมลูกให้หายเหนื่อย แต่
หริ่งๆ = สัทพจน์
ก่อนเคยได้ยินเสียงอยู่แถวนี้ นั่นรอยเท้าของชาลี นี่ก็ของกัณหากรวด
ระเรื่อย = อัพภาส
ทรายกับของที่เคยเล่นก็ยังอยู่ แต่ลูกทั้งสองไปอยู่ไหน ที่พักที่เคยดู
ดั่ง = อุปมา
สดใส นกและจักจั่นที่เคยร้องกลับหายไป ท าให้เงียบเหงามาก ทั้ง
ทั้งอาศรมก็หมองศรี เสมือนหนึ่งว่าจะโศกเศร้าเออ
อาศรมดูเศร้าหมอง นางจึงไปถามสามีด้วยความสงสัยว่า "ท าไม
ลูกๆไปไหนแล้วไม่บอก สัตว์ป่ าก็น่ากลัว ถ้ามันมาลากลูกไปกินเป็ น =บุคคลวัต
อาหารหรือลูกทั้งสองได้ตายอยู่ในป่าหิมพานต์แล้ว" โอ้เจ้าแว่นแก้ว = อุปลัษณ์
8