Page 7 - C:\Users\Acer\Documents\Flip PDF Professional\ebook\
P. 7
แปล วรรณศิลป์
ราวกะว่า = อุปมา
เกิดโกลาหลเป็ นอันหนึ่งอันเดียวกันตลอดถึงชั้นพรหมโลก
ขู่ข่มเข่นเขี้ยวคํารามตีต้อนให้ด่วนเดิน = จินตภาพด้านเสียงและ
เมื่อพระเวสสันดรผู้บ าเพ็ญเพียร ได้ให้กุมารทั้ง 2 แก่พราหมณ์ ซึ่งสิ่ง
การเคลื่อนที่
ที่ท าไปเหมือนกับการควักลูกดวงตาทั้ง 2 ข้างวางไว้ในมือพราหมณ์
แต่เสียงเธอโอดโอยสะอื้นร้องรําพันสั่งทุกเส้นหญ้า = อติพจน์
พราหมณ์ก็พากุมารเดินไปตามทางกันดาร แทนที่จะสงสารที่พรากลูก
ชาวเราเอ่ยจะคิดไฉนดี = ปฏิปุจฉา
ผู้อื่นมาแต่พราหมณ์กลับขู่เข็ญ ทุบตีให้กุมารรีบเดินกุมารก็ร้องไห้สะอื้น
คิดไปคิดไป = ค าซ ้า
ไปตลอดทางใน ป่ าหิมพานต์จนท าให้หมู่เทพเจ้าในป่ าหิมพานต์ได้ยิน
เสียงร้องไห้ ก็เกิดความสงสารจึงปรึกษากันว่าถ้านางมัทรีกลับมาที่ เสวยพระทุกข์ = อาวัตพากย์
อาศรมใน เวลากลางวันเมื่อไม่เห็นกุมารทั้ง2ก็จะต้องถามพระเวสสันดร ดั่ง = อุปมา
และถ้าได้รู้ว่าพระเวสสันดรได้ให้กุมารแก่พราหมณ์ไปแล้ว นางก็จะรีบตาม คะนองย่องหยัดสะบัดบาท = จินตภาพ ด้านการเคลื่อนที่
ไปอย่างไม่กลัวอันตรายเราต้องคิดหาอ ุบาย เพื่อไม่ให้นางมัทรีกลับมา
ในกลางวันเมื่อปรึกษากันแล้วจึงมอบหน้าที่ให้เทพพระบุตรทั้ง3แปลง
เป็ นราชสีห์,เสือโคร่งและเสือเหลือง แล้วพากันไปขัดขวางทางที่นาง
มัทรีจะเดินมา จนกว่าจะเห็นพระจันทร์ขึ้นจึงค่อยหลีกทางให้แก่นาง เมื่อ
เทพบุตรทั้ง3ได้ฟังแล้วก็ท าตามทุกประการ แล้วไปนอนคอยที่ช่องแคบ
ตรงทางที่นางมัทรีจะเดินกลับมา
4