Page 18 - Portrait Painting
P. 18
ประวัติความเป็นมาของภาพบุคคล
History of Portrait
ประวัติของการเขียนภาพบุคคลในตะวันตก
หลังจากที่ มาร์เชล ดูชองป์ (Marcel Duchamp) ได้เติมหนวดให้ โมนาลิซา (Mona Lisa) ในปี
ค.ศ.1919 ก็ท�าให้ประเด็นทางสุนทรียศาสตร์ของศิลปะมีปัญหา หลังจากที่เขาหยิบโถส้วมซึ่งเป็นสุขภัณฑ์
ั
ออกแสดงนิทรรศการแล้วเรียกมันว่า “ศิลปะ” อย่างท้าทายคานิยามก่อนหน้าน้นและเป็นการต่อต้าน
�
(Anti Art) เมื่อเขาลดคุณค่าอันเข้มขลังของโมนาลิซาลงจนกลายเป็นความขบขัน ความงามจึงกลายเป็น
ความอัปลักษณ์ แต่ทั้งสองส่วนนั้นคือความจริงของมนุษย์ที่เกิดขึ้น
Mona Lisa ค.ศ.1503 – 1506 Mona Lisa ค.ศ.1919
�
ทาไมการนาเสนอแนวคิดใหม่ต่อโลกศิลปะของดูชองป์จึงเลือกหยิบยกภาพโมนาลิซามาใช้เป็น
�
ส่อ….. พิจารณาในรายละเอียดจะพบว่าดูชองป์ใช้ภาพโมนาลิซาในฐานะท่เป็น “ภาพ” (Picture) และ
ี
ื
ี
�
�
�
เป็นวัตถุสาเร็จรูป (Ready Made Object) อานาจความงามท่มาจากกระบวนการผลิตและเป็นอานาจ
ของสุนทรียศาสตร์แบบคลาสสิคคือ “ยุคเรเนสซองส์” (Renaissance) โมนาลิซา (ค.ศ. 1503 – 1506)
โดย ลีโอนาโด ดาวินชี (Leonardo da Vinci) คือภาพผู้หญิงในอากัปกิริยาที่เธอก�าลังจับจ้องมายังหน้า
ของเรา คือผู้ชม และอมยิ้มนิด ๆ เหมือนเธอรู้ความลับบางอย่าง.…? มีเรื่องเล่าว่าดาวินชีได้จ้างนักดนตรี
และคนเล่นตลกมาให้ความบันเทิงแก่เธอขณะน่งเป็นแบบเพ่อให้โมนาลิซา….. ย้ม..… แสดงว่าดาวินชีกาลัง
ื
ั
ิ
�
ิ
ทาบางส่งท่แตกต่างออกไป คือไม่ใช่ย้มด้วยปากแบบส่งให้ย้ม แต่เป็นย้มจากภายในจิตใจและอารมณ์ท ี ่
ิ
ิ
ั
�
ี
ิ
ึ
ื
ี
ึ
เบกบาน ซ่งเป็นแนวคิดใหม่ท่ลึกซ้งในการเขียนภาพใบหน้าคน (Portrait) เพ่อเข้าถึงอารมณ์อันเป็นส่วนตัว
ิ
้
ของ “ตนแบบ” ผนวกกับการคิดค้นเทคนิควิธีการเกลี่ยสีให้บรรยากาศเรียบเนียน (Sfumato) ให้ภาพดู
่
�
ั
ี
ผอนคลาย นุ่มนวล รวมถึงเทคนิคค่าต่างแสง (Chiaroscuro) ท่ทาให้ภาพงดงามคลาสสิค เป็นศิลปะช้นสูง
�
และเป็นกาแพงสูงท่ข้ามพ้นได้ยากในทัศนะของดูชองป์ ความคิดในทางขยับขยายจึงเกิดข้น “โมนาลิซา” จง ึ
ี
ึ
มีหนวด
“คิดต่อ - คิดต้าน” จริง ๆ แล้วสิ่งที่มาร์เชล ดูชองป์กระท�าไม่ได้เกิดขึ้นในครั้งแรก แต่เกิดขึ้นซ�้า ๆ
ทั้งแนวความคิดสร้างสรรค์และเทคนิควิธีการทางจิตรกรรมตามเส้นทางของประวัติศาสตร์
17 | จิตรกรรมภาพคน PORTRAIT PAINTING