Page 129 - จดหมายเหตุ final-2
P. 129
พระมหาพิชัยมงกุฎ
พระมหำพิชัยมงกุฎ พระบำทสมเด็จพระพุทธ
ยอดฟ้ำจุฬำโลกมหำรำชโปรดให้สร้ำง ท�ำด้วย
ทองลงยำประดับเพชร ในสมัยโบรำณถือว่ำ มงกุฎมีค่ำ
ื
ส�ำคัญเท่ำกับรำชกกุธภัณฑ์อ่น ๆ และพระมหำเศวตฉัตร
เป็นสิ่งที่ส�ำคัญสูงสุด แต่ต่อมำเมื่อประเทศไทยติดต่อ
ึ
กับประเทศในทวีปยุโรปมำกข้น จึงนิยมตำมรำชส�ำนัก
ี
ยุโรปท่ถือว่ำภำวะแห่งควำมเป็นพระมหำกษัตริย์อยู่ท ่ ี
ั
กำรสวมมงกุฎ แต่น้นมำ จึงถือว่ำพระมหำพิชัยมงกุฎ
เป็นส่งส�ำคัญ และพระมหำกษัตริย์จะทรงสวม
ิ
พระมหำพิชัยมงกุฎในกำรพระรำชพิธีบรมรำชำภิเษก
วาลวิชน ี
วำลวิชนี (วำน-ละ-วิด-ชะ-นี) (พัดและแส้)
พระบำทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ำจุฬำโลกมหำรำชโปรด
ให้สร้ำง ลักษณะเป็นพัดใบตำล ท่ใบตำลปิดทอง
ี
ั
ท้ง ๒ ด้ำน ขอบขลิบทองค�ำ ด้ำมท�ำด้วยทองลงยำ
เรียกว่ำพัชนีฝักมะขำม ต่อมำพระบำทสมเด็จ
พระจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัวทรงพระรำชด�ำริว่ำ ตำมพระบำล ี
ที่เรียกว่ำ “วาลวิชนี” ไม่ควรจะเป็นพัดใบตำล ควรจะ
ี
่
ื
เปนเครองโบกปัดท่ท�ำด้วยขนจำมรี เพรำะวำล แปล
็
ึ
ี
ว่ำ ขนโคชนิดหน่ง ตรงกับท่ไทยเรียก จำมรี จึงทรง
พระกรุณำโปรดเกล้ำฯ ให้สร้ำงแส้ขนจำมรีเป็น
เคร่องรำชกกุธภัณฑ์ ภำยหลังใช้ขนหำงช้ำงเผือก
ื
ี
เรียกว่ำ “พระแส้หางช้างเผือก” แต่ก็ไม่อำจท่จะเลิกใช้
พัดใบตำลของเดิมได้ จึงโปรดให้ใช้พัดใบตำล
ี
และพระแส้จำมรควบคู่กัน โดยเรียกว่ำ วำลวิชน ี
ฉลองพระบาทเชิงงอน
ฉลองพระบำทเชิงงอน พระบำทสมเด็จ
พระพุทธยอดฟ้ำจุฬำโลกมหำรำช โปรดให้สร้ำง
ื
เป็นเคร่องรำชกกุธภัณฑ์ตำมแบบอินเดียโบรำณ ท�ำด้วย
ทองค�ำลงยำรำชำวดีฝังเพชร ประธำนพระครูพรำหมณ์
เป็นผู้สวมถวำยในกำรพระรำชพิธีบรมรำชำภิเษก
๑๒๙

