Page 91 - คุณค่า คุณภาพ คุณธรรม ถอดบทเรียนงานประชุมวิชาการ
P. 91
C1-201
19th HA National Forum
ความหมาย
ของภาษารัก
ภาษารัก ไม่ใช่แค่การบอกรัก อาจจะไม่มีคาว่ารัก แต่เป็นการสื่อสารท้ังวจนภาษาและอวจนภาษา ที่ทาให้คนท่ีเรารักได้รับสิ่งที่ดี โดยต้อง เกิดจากความรัก ความเข้าใจที่เรามีเป็นพื้นฐาน
“จะส่ือสารเป็นภาษารักได้จึงต้องเกิดจากความรักที่มีให้ตนเองเป็นพื้นฐานก่อน ไม่อย่างนั้นคาพูดท่ีส่ือสารออกมาจะเป็นคาพูดที่ ประดิดประดอย ทาให้พลังแห่งรักไปไม่ถึง”
เทคนคิ และกระบวนการ
สื่อภาษารัก
1. เรียนรู้ที่จะรัก ก่อนที่จะส่ือสารเป็นภาษารัก เราต้องมีความรักมาเป็นอันดับแรก ดังนั้นเราจึงต้องเรียนรู้ส่ิงเหล่านี้
• รักตัวเองเป็น คือรู้จุดด้อยเพ่ือพัฒนาจุดเด่นของตนเอง เห็นคุณค่าท่ีมีอยู่ในตนเอง รู้ว่าความสมบูรณ์แบบในโลกน้ีคือ ความไม่สมบูรณ์แบบ ทาจิตใจให้อยู่ในภาวะท่ีสงบ พิจารณาถึงคุณค่าในตัวเอง เพราะคุณค่าในตัวเองมีอยู่ในตัวเราทุกคน แต่จะออกมาเมื่อเรา
อยู่ในภาวะที่สงบ เบิกบานในชีวิตประจาวัน ถ้าเราอยากทางานอย่างมีคุณภาพเราจึงต้องรู้คุณค่าในตนเอง
• รักคนอ่ืนได้ คนเรามีประสบการณ์ชีวิตที่ต่างกัน เราจึงไม่ควรนาประสบการณ์ของตนเองไปเป็นมาตรฐานในการมองคนอื่น
คิดอยู่เสมอว่าคนเรามีความแตกต่างกัน เรามีคนเดียวบนโลกใบนี้ และการที่เราจะเข้าใจคนอ่ืนได้ เราต้องมีการส่ือสารด้วย จิตท่ีสงบ ใจเปิดสว่าง • รักท่ีจะรับฟังอย่างลึกซึ้ง การที่เราจะรับฟังอย่างลึกซึ้ง หรือ deep listening ได้ สิ่งแรกคือ การเปิดใจ เราต้องเปิดใจ ในการเรียนรู้คู่สนทนา เคารพในความแตกต่างระหว่างกัน และห้อยแขวนคาตัดสิน “สิ่งที่แตกต่างระหว่างการได้ยิน กับการฟังอย่างลึกซึ้งคือ
การได้ยินจะยังคงเป็นเพียงการได้ฟัง แต่ไม่ส่ือสาร แต่การฟังอย่างลึกซึ้ง จะมีสิ่งที่อยู่ภายใต้เนื้อหาที่ฟัง เป็นความรู้สึกของคนที่พูด”
• รกั ทจี่ ะสอื่ สารอยา่ งสรา้ งสรรค์ เราตอ้ งรวู้ า่ อะไรคอื ความตอ้ งการของเราและคสู่ นทนา เพอื่ ทจี่ ะสอ่ื สารออกมาอยา่ งสรา้ งสรรค์ ทั้งวจนภาษา และอวจนภาษา
2. ฝึกจัดการความคิดท่ีเข้ามาสอดแทรก (development of calmness) ความคิดมี 2 แบบคือ ความคิดที่จาเป็นต้องคิด กับความคิด ที่ไม่จาเป็นต้องคิด สิ่งที่เราต้องจัดการคือความคิดที่ไม่จาเป็นต้องคิดซึ่งเป็นความคิดที่ไม่สงบ ไม่เบิกบาน เราไม่ควรที่จะไปต่อยอดความคิดประเภทน้ี แค่เห็นแล้วกลับมา เพราะเราจะไม่เจอความหมาย หรือความต้องการที่แท้จริงของเร่ืองน้ัน ดังนั้นเราจึงควรซึมซับความคิดที่เป็นบวก ซึมซับความคิด ที่มีแต่สิ่งดีดี
“คิดไป รู้ตัว ไม่คิดตาม กลับมาอยู่บ้านของเรา”
3. มีสติ และความรู้สึกตัว สติ เป็นเครื่องมือท่ีทาให้สัมผัสตัวเรา และคนอื่นได้ง่ายขึ้น สติเหมือนดวงตา ดวงตาทาให้เรามองเห็นใบหน้า ของผู้อื่น แต่มองไม่เห็นใบหน้าของตัวเอง ดังนั้นเราจึงต้องมีกระจกที่จะสะท้อนให้เรามองเห็นใบหน้าของตัวเองได้ ผู้อื่นอาจจะสามารถเป็นกระจก สะท้อนตัวเราได้ แต่จะดีกว่าหรือไม่หากเราสามารถสะท้อนความเป็นตัวตนของเราด้วยตัวเราเอง “เราจึงควรปลุกตาขี้เกียจที่มีอยู่ในตัวออกมา ไม่อย่างนั้นภาษารักจะกลายเป็นดัดจริต จะดูไม่เป็นความจริง”
สติจึงเป็นเหมือนเครื่องมือที่จะทําาให้เราได้มองเห็นอารมณ์ มองเห็นความคิดของตัวเอง สิ่งนี้เป็นเรื่องของ Mindfulness in organization ซง่ึ ไมเ่ กย่ี วขอ้ งกบั ศาสนา แตเ่ ปน็ หลกั ทางจติ วทิ ยาทเ่ี ปน็ การฝกึ สมอง (brain training) ใหส้ มองมคี ลนื่ สมองทดี่ ี มคี ลน่ื สมองของการพกั
สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) 91