Page 183 - ธรรมะบรรยาย1525
P. 183

ของภรรยาหรือว่าครบวันตายของลูก ก็เลยท าบุญอุทิศไปให้ บางคนก็ระลึกได้ บางคนก็ระลึกไม่ได้

               บางคนก็ติดธุระหน้าที่ก็ลืมไป โดยไม่ได้ใส่ใจว่าญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้วรอผลทานจากเรา

                     เพราะฉะนั้น วัดเทพเจติยาจารย์จึงได้จัดให้มีการสวดพระอภิธรรม เมื่อสวดพระอภิธรรมเรา

                                                   ี่
               ก็ระลึกถึงญาติของเรา บุญกุศลใด ๆ ทเราได้ท าบุญให้ทาน รักษาศีลภาวนาหรือสวดมนต์ ท าบุญใส     ่
               บาตร เราก็มาอธิษฐานวันนี้ก็ได้ เมื่อเราอธิษฐานไปนั่นแหละญาติพี่น้องเขารอรับส่วนบุญ เขาก็จะ

                                       ็
                                                                                       ุ
               อนุโมทนาบุญกุศล มันเปนอย่างนี้ เพราะฉะนั้น การท าบุญใด ๆ ถ้ามีจิตบริสทธิ์แล้ว ปรารถนาดี
               แล้ว มันก็ย่อมถึงแก่ญาติที่ล่วงลับไป

                     มาพูดถึงเรื่องพระอาจารย์หลวงพ่อ  พระอาจารย์หลวงพ่อนี่โดนหลวงปู่มั่นให้ไปอยู่กับเสือ

                                                                                                        ิ
               แล้วก็นั่งสมาธิ ๓ วัน ๓ คืน หลวงปู่มั่นให้คนไปตามกลับมา หลวงปู่มั่นก็ได้อธิบายวาการท าสมาธนี่
                                                                                           ่
               ถ้าไปอยู่อย่างนั้นมันเข้าอรูปฌานนานเกินไป  แทนทมันจะเกิดประโยชน์แต่ไม่เกิดประโยชน์  ดีไม่ดี
                                                               ี่
               สมองมันหยุดท างาน  มันอาจจะท าน้อยเกินไปหรอว่ามันอาจจะเสื่อมได้  แต่หลวงปู่มั่นไม่ได้พูด
                                                              ื
               อย่างนี้  แต่ท่านพูดว่าการพูดของหลวงปู่มั่นนะหมายถึงว่าการไปอยู่ในอรูปฌานนานเกินไปนั่นมัน

               ไม่เกิดสติปัญญาใด ๆ นี่คือเปรียบเทยบเหมือนคนนอนหลับอย่างนี้เวลานอน ๗ ชั่วโมง ๘ ชั่วโมง
                                                 ี
               หลับไปก็หลับไปอย่างงั้น  มีองค์ไหนบรรลุธรรมในขณะนอนหลับบ้าง  มันไม่มีหรอก  เพราะมันไม่

               เกิดสติปัญญา มันเป็นการพักผ่อนทางร่างกายและจิตใจ พักผ่อนเข้าไปก็พักผ่อนก็ได้เกิดก าลังกาย

               ก าลังใจขึ้นมา แต่มันไม่เกิดสติและปัญญา จะพิจารณาถึงธาตุ ๔ ดิน น้ า ไฟ ลม ไม่ได้


                     เพราะฉะนั้น หลวงปู่มั่นจึงบอกว่าวิริยังค์อย่างเธอต้องท าสมาธิให้สม่ าเสมอ ทาเวลาใดก็ต้อง

               ท าเวลานั้น ถ้าเธอท า ๖ โมงเช้าก็ต้องตื่นมาทา ๖ โมงเช้า อย่างพระกรรมฐานตี ๓ ท่านก็ตื่นขึ้นมา
               ปฏิบัติธรรม เดินจงกรมก็ได้ นั่งสมาธิก็ได้ ทุกครั้งตี ๓ ก็ตื่นตี ๓ ก็มาเดินจงกรมนั่งสมาธิ ก็จะเป็น


               อย่างนี้ เมื่อทาก็ท าให้สม่ าเสมอ แต่ถ้าท ามากไปทั้งวันทั้งคืน หลวงปู่มั่นก็พูดภาษาบาลีว่า  “โลโภ
               ธัมมานัง ปะริปันโถ” คือ การปฏิบัติธรรมที่มันมากเกินไป โลภอยากได้มากเกินไป มันก็เป็นกลับ


               กิเลส มุ่งมั่นเกินไปกลับเปนกิเลส อยากได้เกินไป โลภมากเกินไป มันก็เลยติดใจของเรา ทาไม่มันจึง
                                       ็
               ไม่เกิดสมาธิ ท าไมมันถึงไม่สงบซะที เราเดินก็เดินอีก นั่งก็นั่งอีก มันจึงเร็ว ๆ ติดใจของเรา เราตั้ง

               ข้อมูลไว้แล้ว จะท ามาก ๆ เร็ว อยากจะได้เร็ว ๆ นี่มันตั้งโปรแกรมจิตของเราเอาไว้ แล้ว มันก็เลย

               กั้นเอาไว้ พอกั้นเอาไว้มันก็ไม่ได้ดั่งใจ


                     เพราะฉะนั้น พอรู้ว่าเวลาเราทาสมาธ หลวงพ่อจึงบอกว่าให้ทาสมาธิสม่ าเสมอ “ภาวิโต พะหุ
                                                       ิ

               ลี กะโต” หมายความว่าให้ท าสม่ าเสมอ อย่าหยุด ท าต่อเนื่อง แต่ไม่ใช่ว่าต้องท าตลอด ๒๔ ชั่วโมง
               ท าเป็นเวลา เวลาเช้า กลางวัน และเวลาเย็น แต่ท าสม่ าเสมอไปอย่างนี้ ก็เหมือนกับเรารับประทาน



                                                          ๑๘๓
   178   179   180   181   182   183   184   185   186   187   188