Page 184 - ธรรมะบรรยาย1525
P. 184
อาหารนี่ เราไม่ทานตลอด ๒๔ ชั่วโมงนี่ ตอนเช้ากี่โมง กลางวันกี่โมง ตอนเย็นกี่โมง เราก็เลือกเวลา
ของเรา ร่างกายของเราก็จะรู้ว่าเวลานี้ถึงเวลาทานข้าวแล้ว ทานข้าวผิดเวลามันก็ท าให้น้ าย่อย
ผิดปกติ นี่คือส่วนร่างกาย ส่วนจิตใจก็เหมือนกัน ได้เวลาธรรมมะปฏิบัติ มันก็จะเกิดเครื่องเตือน
ขึ้นมาว่าได้เวลาสวดมนต์แล้ว
ั้
อย่างวัดเทพเจติยาจารย์จัดให้มีการสวดมนต์อย่างนี่ ๑๙.๐๐ น. ทุกวัน ท่านทงหลายก็เตรียม
แล้ว ถึงเวลาสวดมนต์แล้วก็มาแล้ว มันเป็นโปรแกรมจิตของเรา เราตั้งไว้แล้วมันก็จะเตือนว่าได้
เวลาสวดแล้ว เอ ได้เวลาหรือยัง โอ ใกล้แล้ว มันก็จะเตือนขึ้นมาว่าใกล้แล้ว จะต้องไปเตรียมตัว
็
อาบน้ า ล้างหน้า แปรงฟัน ถึงเวลาจะมาสวดมนต์แล้ว ๑ ทุ่มก็จะมา นี่มันเปนโปรแกรมแล้วก็ท า
สม่ าเสมอ ถ้าเราทาได้อย่างนี้มันก็จะเจริญเติบโต ในระหว่างไม่สวดมนต์ ไม่นั่งสมาธิ ท าอะไร
หลวงปู่มั่นก็แนะน าว่าพระพุทธเจ้ามีสติปัฏฐาน ๔ คือให้มีจิตอยู่ที่กายของเรา เดินเคลื่อนไหว
นั่ง ดื่ม นอน คิด พูด ทาอะไรก็มีสติ อันนี้จะเป็นการวอร์มอัพหรือว่าเจริญสติ เมื่อเจริญสติมากเข้า
มันก็จะเกิดพลังงานขึ้นมา เรียกว่า “สติพละ” เมื่อสติพละเกิดขึ้นสมาธิพละก็จะตั้งมั่นต่อไป เวลา
ไปท าสมาธิมันก็จะเกิดตั้งมั่นแน่วแน่ มันก็จะสงบง่ายยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้น การที่หลวงปู่มั่นได้สอน
่
หลวงพ่อนี่ หลวงพ่อจึงมาสอนพวกเราวาให้ทาอย่างสม่ าเสมอ ถ้าหากเราทาได้อย่างสม่ าเสมอนี่
สมาธิของเราก็จะก้าวหน้าต่อไป
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านทั้งหลายที่รับฟังทางออนไลน์ ณ ขณะนี้ บัดนี้ก็สมควรแก่เวลา ก็
ขอยุติไว้เพียงเทานี้ ขอนิมนต์พระอาจารย์พิชิต ขันติชโย ให้พรแก่โยมในล าดับต่อไป
่
๑๘๔