Page 231 - ธรรมะบรรยาย1525
P. 231
เหน็ดเหนื่อย แม้จะล าบากในการเผยแพร่ธรรมในการช่วยเหลือคน โดนคนด่า โดนคนชี้หน้าว่า
อย่างนั้นอย่างนี้ นี่แหละเป็นคุณสมบัติของนักปราชญ์
“ขันตี ปรมัง ตะโป ตีติกะขา” แปลว่า ขันตินี้จะเป็นตบะ เป็นเครื่องแผดเผากิเลสให้เหือด
แห้งหายไป ถ้าตราบใดเราได้ฝึกสวดมนต์ ได้เดินจงกรม ได้นั่งสมาธิ ได้สวดมนต์อย่างนี้นี่แหละสติ
เมื่อมีสติมากขึ้น ความอดทนก็จะมากขึ้น ก็จะเป็นคุณสมบัติของเรา เมื่อเป็นคุณสมบัติของเรา ค า
ู้
ว่า “นักปราชญ์ ผู้ร ผู้เข้าใจในสรรพสิ่งทั้งหลาย” ทุกอย่างก็เกิดขึ้นมา ก็ด ารงอยู่ตามสภาพแล้วมัน
ก็ดับไป ไม่มีอะไรยั่งยืน
มีครั้งหนึ่งหลวงพ่อได้พูดถึง “อัครสาวิกา” เป็นผู้หญิง ปกติเราจะได้ยินอัครสาวกเบื้องซ้าย
ื้
และเบื้องขวาที่เป็นพระสงฆ์ วันนี้จะพูดถึงอัครสาวิกาซึ่งเป็นอัครสาวกเบองขวาของพระพุทธเจ้าท ี่
เป็นผู้หญิง ก็คือ “พระนางเขมา” พระนางเขมาเป็นพระมเหสีของพระเจ้าพิมพิสาร ผู้สร้างวัดเวฬุ
วันถวายพระพุทธเจ้า พระนางเป็นสตรีที่มีรูปงามและหลงเมามัวในรูปสมบัติของตนมาก ไม่เคยไป
เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเลย ต่อมาพระเจ้าพิมพิสารรับสั่งให้แต่งดอกไม้ประดับที่วัดเวฬุวันให้สวยงาม
กว่าพระราชวังอีก โดยให้คนแต่งเพลงพรรณนาถึงวดเวฬุวันว่าสวยงามอย่างนั้น มีดอกไม้อย่างนี้ มี
ั
สระน้ าอย่างนั้นอย่างนี้ เอานักร้องมาร้องใส่ดนตรีเข้าไป ก็ไปร้องในพระราชวัง พระนางก็มาฟัง
เพลง เอ๊ะ เพลงนี้ไม่เคยได้ยิน พรรณนาถึงที่ไหนกัน ทุกคนก็บอกว่าพรรณนาถึงวัดเวฬุวันยังไงเล่า
วัดเวฬุวันงามขนาดนี้เลยหรือ มีต้นไม้ร่มรื่น มีสระน้ า สวยงามมาก อยากจะไป ถ้ายังงั้นขอไปชม
หน่อยว่าสวยงามขนาดไหน ท าไมเพลงพรรณนาได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ พระนางก็เสด็จไปที่วัดเวฬุวัน
พระพุทธเจ้าทรงทราบว่าพระนางเสด็จมา ก็มาประทับนั่งอยู่ใต้ต้นไผ่ พระนางก็พรรณนา
เห็นต้นไม้ออกดอก ไม้ดอกนี้ก็สวย ดอกนั้นก็สวย เพลิดเพลินมาเรื่อย ๆ พระนางก็เดินมาเจอ
พระพุทธเจ้า พระองค์จึงทรงเนรมิตผู้หญิงสวยงามก าลังพัดให้พระองค์ทั้งสองด้าน พัด ๆ ไป พระ
นางก็เห็น พระนางก็คิดว่าพระพุทธเจ้ามีคนสวยทั้งซ้ายขวา สวยกว่าเราอีก ลองย้อนมาดูตัวเราบ้าง
่
พระพุทธเจ้ามีแต่ของสวย ๆ งาม ๆ ดูเพลินตาเพลินใจ พระพุทธเจ้าก็รู้วานางสนใจแต่หญิงที่ก าลัง
พัดให้พระองค์อยู่แค่นั้น พระองค์ก็ทรงเนรมิตให้หญิงทั้งสองค่อยแก่ลง ๆ แล้วก็ชราหนังเหี่ยวไป
ี่
ี่
เรื่อย ๆ เหยวลงจนหน้าตาเฟะลงไป พระนางก็ตกใจ โอ้ อะไรนี่ สวยงามยังตายได้หรือนี่ ยังเหยว
อีกหรือนี่ ก็ย้อนมาดูตัวเอง พอย้อนมาดูตัวเอง ก็คิดว่าสักวันหนึ่งเราก็คงชราเปื่อยเน่าเหมือนหญิง
สองคนนี้แน่ ๆ เมื่อก่อนนี้ท าไมสวยงาม มาบัดนี้แก่ชราเปื่อยเน่าเฟะเลย เราคงไม่ต่างกัน
่
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่านั่นแหละทุกคนทั้งหลายมีรางกายไม่ต่างกันหรอก เต็มไปด้วยสิ่ง
สกปรกทั้งนั้น เต็มไปด้วยน้ าเลือด น้ าหนอง น้ าเหลือง น้ าคล า น ามาซึ่งความสกปรกโสโครก ไม่ว่า
๒๓๑