Page 298 - ธรรมะบรรยาย1525
P. 298

ถวายแด่เจ้าประคุณท่าน ขอพระองค์ท่านจงมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร

                                        ั้
                                                                                     ุ
               ของเหล่าพุทธศาสนิกชนทงหลายสืบต่อไป ตราบนานเท่านาน สาธุ สาธุ สาธ อนุโมทามิ
                          ี่
                     การทเราทั้งหลายได้สวดมนต์นี้ ถือว่าเป็นการสร้างความดีและก็มีเมตตา การสร้างความดีที่มี
               เมตตานี้ไม่ได้เฉพาะตัวเรา ได้เฉพาะคนอื่นด้วย เพราะฉะนั้น จึงกลายเป็นเมตตาธรรม เมตตาธรรม

               คือธรรมะที่เปี่ยมด้วยความดีอยากจะให้คนอื่นมีความสุขด้วย  ทีนี้เมตตานี้เราต้องสร้างขึ้นมา  บาง

               คนไม่มีเมตตาก็เพราะไม่ได้สร้าง  “ทาไมคุณใจร้ายจัง  คุณไม่มีเมตตาเลย”  บางคนก็พูดกันอย่างนี้

               ท าไมถึงพูดอย่างนั้น ก็เพราะว่าเขาใจร้าย เมื่อเขาใจร้าย เขาจะต้องพูดค าพูดออกมาที่ไม่ดี เมื่อเขา

                                                                                               ้
               ท างานก็ท างานมุ่งหวังที่จะเอาเปรยบคนอื่น  หน าซ้ ายังฆ่าคนอื่นด้วย  นี่เขาเรยกว่าใจราย  ใจไม่มี
                                               ี
                                                                                       ี
               เมตตา  ตรงกันข้าม  คนที่สร้างเมตตาเกิดขึ้น  ด้วยการสวดมนต์  ด้วยการนั่งสมาธิ  ด้วยการเดิน
               จงกรม ด้วยการอ่านหนังสือธรรมะ เพื่อชโลมจิตให้เบาบางจากความดุร้าย กลับกลายมาเป็นความ

               มีเมตตา เพราะฉะนั้น การสวดมนต์ก็เป็นการสร้างเมตตาธรรมเกิดขึ้น สวดบ่อย ๆ จิตที่เคยดุร้าย

               หรือว่าใจที่เห็นหัวหน้าในทางร้าย ก็จะกลับกลายมาเป็นใจมีเมตตา

                     อย่างที่พวกเราสวดนี่ เราไม่ได้สวดให้แก่ตัวเราอย่างเดียว เราสวดให้แก่คนอื่นด้วย และยังแผ่

               เมตตา ที่พาแผ่เมตตา “อะหัง สุขิโต โหมิ” เราแผ่ให้ตัวเอง ก็แผ่มันเรื่อย ๆ จนสรรพสัตว์ทั้งหลาย

                                                       ี่
               “สัพเพ สัตตา” ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงทเป็นเพื่อนทุกข็ เกิดแก่เจ็บตาย ทั้งหมดทั้งสิ้น “อะเวรา
               โหตุ” อย่าได้มีเวรแก่กันและกัน นี่ เราก็แผ่เมตตานี่คือเราสร้างเมตตาให้เกิดขึ้น ไม่อยากจะให้ใคร

                           ้
                                                                                                ี่
               ต่อใครนี้ท ารายซึ่งกันและกัน เพราะทุกคนมีพ่อมีแม่ มีสามี มีภรรยา มีลูก ก็ย่อมเป็นทรักของกัน

               และกัน เมื่อใครทาร้ายใครนี่ ย่อมเกิดอาฆาตพยาบาทจองเวรซึ่งกันและกัน มีเหตุจะให้ฆ่าล้างโคตร
               ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เพราะใจมันได้ฝึกฝนมาในทางร้าย เมื่อฝึกฝนมาในทางราย มันจึงประหัตประหาร
                                                                                  ้
                                                                                        ่
               กันด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ เมื่อไม่ได้ด้วยอาวุธก็ด้วยเวทมนต์ คาถา หรือวาเมจิก มนต์ด า ท า
               ให้คนตายก็เพราะจิตนี่มันเป็นใหญ่ในทางมนต์ด า หรือว่าจิตด า จิตไร้เมตตา

                     เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงสอนให้ทุกคนรู้จักให้อภัย ให้มีเมตตาต่อกัน เพราะเราเกิดว่านี่

               ไม่ใช่ว่าอยู่เป็นหมื่นปีเสียเมื่อไหร่ แค่ ๑๐๐ ปีนี่ก็ยากแล้ว ๕๐ ปี ๖๐ ปี นี่ก็ทนมามากแล้ว เรามาให้

               อภัยกันเทอญ  เรามามีเมตตาต่อกันเทอญ  อย่าได้คิดอาฆาตพยาบาทจองเวรซึ่งกัน  แต่ความมี

               เมตตาจะเกิดได้ ต้องอาศัยการสวดมนต์นี่แหละ การนั่งสมาธินี่แหละ การเดินจงกรมนี่แหละ การ

               รักษาศีลนี่แหละ การท าบุญให้ทานนี่แหละ ถึงจะเกิดเมตตาได้ ถ้าไม่ท าสิ่งนี้ มันไม่เกิด เมื่อไม่เกิดก็

               ไร้เมตตา เพราะฉะนั้น เราสวดมนต์บ่อย ๆ เพื่อสรางเมตตาให้เกิดขึ้น จึงได้ชื่อว่าเมตตาธรรมค้ าจุน
                                                              ้
               โลก ถ้าเมตตาธรรมค้ าจุนโลกเกิดขึ้น ความร่มเย็นเปนสุขก็เกิดขึ้นทุกหนทุกแห่ง
                                                               ็


                                                          ๒๙๘
   293   294   295   296   297   298   299   300   301   302   303