Page 3 - บทที่ 10 เสียง
P. 3

3


                       นักฟิสิกส์ศึกษาอัตราเร็วของเสียงในอากาศ พบว่าอัตราเร็วของเสียงในอากาศมีความสัมพันธ์กับ

               อุณหภูมิของอากาศโดยประมาณ ตามสมการ
                                                    = 331  + 0.6  
                                                     
                       เมื่อ     เป็นอัตราเร็วของเสียงในอากาศที่อุณหภูมิ    ใด ๆ มีหน่วย เมตรต่อวินาที (  /  )
                              
                                  เป็นอุณหภูมิของอากาศ มีหน่วย องศาเซลเซียส (℃) โดยใช้ได้ดีที่อุณหภูมิประมาณ
                                  −50℃ ≤    ≤ 50℃

               10.3 การเคลื่อนที่ของคลื่นเสียงผ่านตัวกลาง
                       คลื่นเสียงเกิดจากการสั่นของวัตถุที่เป็นแหล่งกำเนิดเสียง พลังงานการสั่นของแหล่งกำเนิดจะถูกถ่าย

               โอนให้แก่โมเลกุลของตัวกลางที่ติดกับแหล่งกำเนิดนั้นและถ่ายโอนพลังงานให้แกโมเลกุลถัดไปเรื่อย ๆ จนถึงหู
                                                                                 ่
               ผู้ฟัง ผลที่เกิดขึ้นคือ คลื่นเสียงเคลื่อนที่จากแหล่งกำเนิดเสียงโดยมีโมเลกุลตัวกลางทำหน้าที่ถ่ายโอนพลังงาน

               ของคลื่นเสียงนั้น โดยโมเลกุลของตัวกลางไม่ได้เคลื่อนที่ไปกับคลื่นเสียงนั้น

                       สำหรับคลื่นเสียงในอากาศ เมื่อแหล่งกำเนิดเสียงสั่น พลังงานของการสั่นจะถูกถ่ายโอนให้แก่โมเลกุล
               ของอากาศที่อยู่รอบ ๆ โดยการชนระหว่างโมเลกุล แนวการถ่ายโอนพลังงานของคลื่นเสียงกับแนวการสั่นของ

               โมเลกุลของอากาศที่เป็นอนุภาคของตัวกลาง พบว่าอยู่ในแนวเดียวกัน ดังนั้น คลื่นเสียงจึงเป็นคลื่นตามยาว

               (longitudinal wave)
                       เนื่องจากโมเลกุลของอากาศมีขนาดเล็กมาก จึงไม่สามารถสังเกตลักษณะการเคลื่อนที่ของโมเลกุลได้

               โดยตรง เราจะพิจารณาโดยใช้ขดลวดสปริงเป็นแบบจำลองแทน ขณะที่ไม่มีคลื่นเคลื่อนที่ผ่านขดลวดสปริง
               แต่ละขดของสปริงจะอยู่ห่างเท่ากันตลอดเวลา เมื่อมีคลื่นตามยาวเคลื่อนที่ผ่านขดลวดสปริงอย่างต่อเนื่องจะ

               พบว่าระยะห่างของแต่ละขดนี้จะมีค่าต่างกัน ถ้าพิจารณาที่เวลาขณะใดขณะหนึ่ง ส่วนของขดลวดสปริงที่อยู่

               ชิดกว่าปกติ เรียกว่า ส่วนอัด (compression) ส่วนที่อยู่ห่างกว่าปกติ เรียกว่า ส่วนขยาย (expansion)
               ถ้าพิจารณาบริเวณส่วนอัดจะเห็นว่าขดลวดสปริงที่อยู่ตรงกลางไม่มีการเคลื่อนที่เพราะถูกขดลวดส่วนที่อยู่

               ทางขวาและส่วนที่อยู่ทางซ้ายอัดเข้ามา การกระจัดของขดลวดตรงกลางส่วนอัดจึงเป็นศูนย์ เมื่อพิจารณา
               บริเวณส่วนขยายจะเห็นว่าขดลวดสปริงที่อยู่ตรงกลางก็ไม่มีการเคลื่อนที่เช่นกันเพราะถูกขดลวดส่วนที่อยู่

               ทางขวาและส่วนที่อยู่ทางซ้ายดึง การกระจัดของขดลวดตรงกลางส่วนขยายจึงเป็นศูนย์








                      รูปที่ 16 กราฟระหว่างการกระจัดออกจากตำแหน่งเดิมของขดลวดสปริงกับตำแหน่งต่าง ๆ
                                              บนสปริงขณะที่คลื่นตามยาวผ่าน

                       เมื่อพิจารณาโมเลกุลของอากาศอยู่ในแนวเส้นตรงจากแหล่งกำเนิดเสียง ขณะไม่มีคลื่นเสียงเคลื่อนที่

               ผ่าน โดยเฉลี่ยแต่ละโมเลกุลของอากาศอยู่ห่างกันเป็นระยะเท่ากันโดยตลอด ดังรูปที่ 17 ก เมื่อมีคลื่นเสียง
   1   2   3   4   5   6   7   8